Honda กลับมาขายเอ็มพีวีทรงสปอร์ต Honda Odyssey อีกครั้งหลังจากยุติการขายที่ญี่ปุ่นชั่วคราวเมื่อช่วงสิ้นปี 2021
นับเป็นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่ประกอบนอกประเทศญี่ปุ่นและส่งกลับมาขายที่ดินแดนบ้านเกิดแบบเดียวที่เคยยกให้ไทยเป็นฐานการส่งออกรถปิกอัพมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษด้วยการนำเข้าจากจีน ถึงหน้าตา Honda Odyssey จะอยู่มานาน 10 ปี จนเรียกว่าเป็นรุ่นแซยิดเลยก็ว่าได้ท่ามกลางรถบางรุ่นของ Honda เกิดอาการเดี๋ยวยุบไลน์ เดี๋ยวกลับมาขายอีก กลับมาแล้วยุบอีกรอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าชาวญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่นั่นเองการกลับมาครั้งนี้เปิดตัวในรุ่นปรับปรุงใหม่ในร่างเดิมหน้าเดิมเจเนอเรชันที่ 5 ที่ปรับโฉมไปเมื่อสามปีก่อน ปรับหน้าตาให้ดูสปอร์ตขึ้นแบบ Black Edition ออปชันภายนอกตั้งแต่ กระจังหน้าแนวนอน 5 ชั้นแบบโครเมียมสีดำ ไฟหน้าทรงใหญ่กว่าเดิมแบบ LED ไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟเลี้ยววิ่ง LED แบบ sequential turn lamp
กระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ ประตูท้ายออกแบบหรู ไฟท้าย LED ทรงใหม่สีรมดำ ประตูข้างสไลด์และประตูท้ายสามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบ Hand Free ตัวอักษร Odyssey กับ e:HEV สีดำ พร้อมคิ้วกรอบป้ายทะเบียนท้ายรมดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 ส่วนรุ่นปกติมาพรอมชุดแต่งโครเมียมรอบคันและล้ออัลลอยให้เลือกทั้งขนาด ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 และ 18 นิ้ว และพร้อมตัวรถที่มีขนาดกว้างตั้งแต่ความยาว 4,860 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,820 มิลลิเมตร ความสูง 1,695 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,920-1,950 กิโลกรัม ความสูงจากใต้ท้องรถ 145 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ภายในเน้นความหรูหราผสมกับความสปอร์ตโดยโทนภายในสีดำเข้มพร้อมออปชันมากมายทั้ง คอนโซลด้านหน้าเพิ่มความเข้มด้วยโทนสีดำ มาตรวัดความเร็วพร้อมจอ MID ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว หน้าจอเพื่อความบันเทิงแบบสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 11.4 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงยังรองรับการเชื่อมต่อจาก Apple Car Play และ Android Auto ระบบเปิดประตูท้ายแบบเตะใต้รถได้ เปิด-ปิดประตูด้านข้างโดยใช้การโบกมือ ไฟ LED Ambient Light บริเวณเบาะโดยสารแถวกลาง มาแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง เน้นความสบายส่วนเบาะแถวที่สาม ถอดเบาะออกและปรับระดับมาทางด้านหน้า เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น เบาะนั่งตอนที่สองปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมที่วางแขนทั้งสองอุ่นเบาะและยังสามารถพับได้ ที่ชาร์จไร้สาย คันเกียร์แบบ Shift by Wire ช่องเสียบ USB charger ทั้งแบบ Type A 2 จุดหลังคอนโซลกลาง และ Type-C 2 จุดที่เบาะนั่งตอนที่สอง และเชื่อต่อตัวรถอย่างสะดวกกับ Honda Connect
ขุมพลังมีแค่เบนซิน I-VTEC e:HEV กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว i-MMD ที่มีขนาดเล็กและเบา ขนาด 2.0 ลิตร LFA-H4 บวกกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้พื้นของที่นั่งด้านหน้า ให้กำลัง 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า H4 ให้กำลังถึง 135 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ามากถึง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนระบบเกียร์ E-CVT (Electrically-controlled Continuously Variable Transmission)
พร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ “Honda Sensing” แบบเต็มระบบไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรกแบบในระยะสั้นแบบใหม่ (new short Collision Mitigation Braking System: CMBS) เปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam : AHB) ระงับการเร่งความเร็วกะทันหัน (Sudden acceleration suppression function) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)และ แจ้งเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor)
Honda Odyssey ผลิตที่โรงงานของกลุ่ม Guangqi Honda Automobile ประเทศจีนเป็นฐานการผลิตและส่งออกมายังญี่ปุ่นที่เมือง Zengcheng โดยจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 4,800,400-5,164,500 yen หรือราว 1,179,000-1,259,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้าขายรวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 3,390,000-3,619,000 บาทโดยมีทั้งหมดสามรุ่นย่อยทั้ง
- รุ่น e:HEV Absolute
- รุ่น e:HEV Absolute EX
- รุ่น e:HEV Absolute EX Black Edition
ที่มา Carwatch
Photo: Manabu Takahashi
