หลังจากที่อิตาลีกับญี่ปุ่นเปิดตัวและสัมผัสกับ Volvo EX30 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นเล็กสุดของค่าย Volvo จนสาวกชาวไทยรอคอยที่อยากเป็นเจ้าของ
ล่าสุด Volvo Cars ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวและเปิดราคาเป็นทางการสำหรับรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าลำดับที่สี่ของค่ายด้านหน้าสวยสปอร์ตสไตล์สวีเดนถอดแบบมาจากพี่ใหญ่ Volvo EX90 ตั้งแต่ไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ค้อนอันเป็นเอกลักษณ์ Thor Hammer พร้อมกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ Iron Mark ฝากระโปรงหน้าดีไซน์เล่นระดับพร้อมขอบฝากระโปรงหน้ามีความหนาขึ้นกระจกมองข้างทรงสปูน หลังคารถแบบลอยตัวหรือ Floating roof โดยเป็นหลังคาสีดำตั้งแต่เสา A ไฟท้าย LED รูปตัวซีแนวยาวล้อมกรอบโดยมีไฟเบรกดวงที่ 3 ติดข้างกระจกหลังซ้าย-ขวาพร้อมสปอยเลอร์หลังในตัวล้ออัลลอยสีทูโทนลายแอโรขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/55R18 กับ 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R19 และฝากระโปรหน้าเปิดมาเป็นที่วางของ Front load compartment ขนาด 61 ลิตร
ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน SEA ที่จะเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้าในเครือ GEELY ที่ใช้ร่วมกับ Smart #1 และ Zeekr X มิติตัวรถเล็กกว่า Volvo XC40 Recharge ตั้งแต่ความยาว 4,233 มม. ความกว้าง 1,837 มม. ความสูง 1,549 มม. ฐานล้อ 2,650 มม. ความสูงจากใต้ท้องรถ 165 มม. น้ำหนักรถ 1,833-1,943 กก.
ภายในมาพร้อมเรียบง่ายแห่งดีไซน์และใช้งานง่ายเริ่มที่คอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายแบบรูปตัวทียาวมีแผงช่องแอร์แนวนอนซ้าย-ขวา จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว นิ้วรองรับ Apple CarPlay ไร้สาย มาพร้อมระบบสาระบันเทิง (infotainment) และการเชื่อมต่อ 5G เพื่อการใช้งานแอปที่ลื่นไหลไม่ว่าจะเป็น Google Assistant, Google Maps navigation และ Google Play แบบ Android Automotive OS ทำงานแม่นยำผ่าน Snapdragon Cockpit Platforms จาก Qualcomm Technologies ลำโพงคุณภาพจาก Harman Kardon 9 จุด และ 1 ซัฟวูฟเฟอร์กำลังขับ 1,040 วัตต์
มีจอ HUD บนแผงคอนโซลหน้ามาอีก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์ใหม่ มีจอมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัลบอกทั้งความเร็ว เส้นทางการขับขี่ ข้อมูลการจราจรและอื่นๆแนวนอนหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พร้อมไฟ Ambient Light ผ่านลายไม้ นั่งสบายแบบ 5 ที่นั่งพร้อมพื้นที่วางของด้านท้าย 318 ลิตร และเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา และยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยวอลโว่ได้นำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่มาชุบชีวิตให้มีประโยชน์อีกครั้ง อาทิ การใช้วัสดุเส้นใยจากยีนส์ และต้นเฟล็กซ์มาใช้ทำเป็นเบาะที่ให้สีสันและสัมผัสที่โดดเด่น มาพร้อมตัวเลือกการตกแต่ง 3 สไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติของสแกนดิเนเวียให้สัมผัสและอารมณ์ภายในห้องโดยสารที่แตกต่างกัน ได้แก่ สไตล์ Mist, Indigo และ Breeze
ขุมพลังไฟฟ้านำทั้งแบตเตอรี่ลิเทียมไอฟอนฟอสเฟต NMC เข้ามาประจำการเริ่มที่รุ่น Core – Single Motor Extended Range กับ รุ่น Ultra – Single Motor Extended Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังด้วยความจุแบตเตอรี่ NMC 69 kWh 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 480 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 153 kW 10-80% ทำได้ 26.5 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชม.
รุ่น Ultra – Twin Motor Performance มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยความจุแบตเตอรี่ NMC 69 kWh 428 แรงม้า แรงบิด 543 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 460 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 134 kW 10-80% ทำได้ 28 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชม. ทั้งสามความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Shift-by-wire single speed transmission
มอบความปลอดภัยที่สมบูรณ์ เราจึงให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่อย่างมาก โดยตัวโครงแชสซี และกล่องเก็บแบตเตอรี่ของ Volvo EX30 ทำจากเหล็กที่มีความทนทานสูงเพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับแบตเตอรี่หากเกิดการชน นอกจากนี้ เสา A และ C รวมถึงหลังคาของตัวรถได้รับการออกแบบทางด้านโครงสร้างเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และมอบความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสารซึ่งเก็บอยู่ใต้เบาะคนขับถูกออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศรีษะและบริเวณหน้าอกหากเกิดการชนจากด้านข้าง
ยังมาพร้อมฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอีกมากมาย อาทิ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตูหรือ dooring alert ผ่านเรดาร์ที่ตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนที่มาจากด้านหลัง เช่น รถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ โดยรถจะส่งเสียงเตือนหากคนในรถจะเปิดประตูเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีระบบเซนเซอร์เพื่อช่วยตรวจสอบความพร้อมในการควบคุมรถของผู้ขับที่ไม่เพียงตรวจการจับพวงมาลัย แต่ยังสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของศรีษะ ดวงตา และกะพริบตาของผู้ขับได้อย่างรวดเร็วถึง 13 ครั้งต่อวินาทีเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับมีอาการง่วง หรือมีสมาธิในการขับรถหรือไม่ และส่งสัญญาณเตือนหากตรวจพบว่าผู้ขับมีแนวโน้มที่ไม่พร้อมในการควบคุมรถและเป็นรถรุ่นแรกที่มีระบบช่วยจอด Park Pilot Assist เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้ผู้ขับเข้าจอดได้อย่างไร้กังวลไม่ว่าจะเป็นการจอดแบบขนาน จอดในลานจอดแบบโค้ง ถอยเข้าซอง หรือจอดในลานจอดแบบสลับฟันปลา
Volvo EX30 มีสีภายนอกรถที่มีให้เลือกถึง 5 สีได้แก่ สีเหลือง Moss Yellow, สีฟ้า Cloud Blue, สีเทา Vapour Grey, สีขาว Crystal White และสีดำ Onyx Black และหลังคาแมททาลิคสีดำ Onyx Black สำหรับรุ่น ULTRA Single Motor Extended Range และรุ่น Twin Motor Performance ให้ความโดดเด่นตัดกับเฉดสีรถถึง 5 สี นำเข้าจากประเทศจีนเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้โดยคาดว่าจะพร้อมส่งมอบช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เป็นต้นไปในราคาดังนี้
- Volvo EX30 Core – Single Motor Extended Range 1,590,000 บาท
- Volvo EX30 Ultra – Single Motor Extended Range 1,790,000 บาท
- Volvo EX30 Ultra – Twin Motor Performance 1,890,000 บาท