ถ้าจะกล่าวถึงค่าย NIO มุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตกรรมหรูพิชิตใจชาวจีนและทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นเอสยูวี สปอร์ตคาร์และล่าสุดเก๋งใหญ่เรือธงอย่าง NIO ET9
เก๋งใหญ่ร่าง Liftback แต่ความจริงฝาท้ายเปิดได้เหมือนรถซีดานแม้เป็นการผสมผสมานในงานดีไซน์ที่ดูสวยงามลงตัวพร้อมหน้าตาที่เฉีบคมเริ่มจากชุดกันชนหน้าทรงทึบไร้กระจังหน้าพร้อมชุดไฟหน้า LED ทรงตั้ง โดยส่วนล่างเป็นช่องระบายอากาศสีดำติดคิ้วเสริมกันชนหน้าสีเงิน โดยส่วนบนนั้นดีไซน์ฝากระโปรงลงตัวพร้อมโลโก้ NIO ประกบด้วยไฟส่องสว่าง Daytime LED แบบคู่ double-dash กระจกหน้ารถลามิเนตกันเสียงรบกวน
ด้านข้างโดดเด่นด้วยที่เปิดประตูดีไซน์ฝังเรียบพร้อมดีไซน์กระจกรถแบบ Frameless ไร้กรอบ ด้านท้ายเท่เด่นด้วยดีไซน์เก๋พร้อมไฟท้าย LED แนวยาวพาดขวางทับทั้งฝาประกอบด้วยโมดูล LED ตัดด้วยคริสตัลติดตั้งสปอยเลอร์แบบแอคทีฟ ตัวฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบไร้สัมผัสหนึ่งเดียวในเซกเมนต์นี้ที่ติดตั้งให้ และล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้วเด่นที่โลโก้ตรงดุมล้อล็อกตำแหน่งไว้จึงไม่วิ่งตามล้อสร้างความเด่นชัดในการมองเห็น
แน่นอนว่ารถอีวีคันนี้ตั้งใจท้าชนกับเหล่าตัวเอ้ทั้ง Tesla Model S, EQS Form Mercedes-EQ, BMW i7 รวมถึงคู่แข่งเครื่องสันดาปทั้ง Mercedes-Benz S-Class และ BMW 7-Series ด้วยแพลตฟอร์ม 900V Architecture ตัวรถมีความยาว 5,324 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,016 มิลลิเมตร ความสูง 1,620 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,250 มิลลิเมตร
ภายในหรูหราลักชัวรีเทียบเท่าคู่แข่งนั่งสบายแบบ 4 ที่นั่งพร้อมชุดเบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ อุ่นเบาะ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงหัวตัดท้ายตัด ในชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายติดตั้งจอสัมผัสกลางขนาดใหญ่ AMOLED 15.6 นิ้ว มีหน้าจอสำหรับผู้โดยสาร AMOLED ด้านหลัง 2 จอติดหลังเบาะคู่หน้าขนาด 14.5 นิ้ว
มีหน้าจอขนาด 8 นิ้วในชุดแผงคอนโซลคั่นกลางระหว่างผู้โดยสารด้านหลังพิเศษตรงที่เบาะหลังสองที่นั่งสไตล์ VIP ปรับเอนได้ถึง 45 องศา ด้วยตัวเบาะมีความกว้าง 582 มิลลิเมตรเอนตัวได้สบายๆ มีโต๊ะพับปรับย้ายตำแหน่งไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้และมีตู้เย็นขนาดเล็ก พร้อมม่านบังแดด 7 จุดด้านหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้า
แรงด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่สองตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าแบบ Asynchronous 245 แรงม้า และคู่หลังแบบ Permanent Magnet Synchronous 462 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 707 แรงม้า (PS) หรือ 697 แรงม้า (Hp) จากความจุแบตเตอรี่ NMC 120 kWh ด้วยเซลล์ 46105 เซลล์ ทำให้การชาร์จเร็วสั้นสุด 5 นาที เพิ่มระยะทางได้อีก 255 กิโลเมตรและในกรณีแบตเตอรี่สามารถสลับเปลี่ยนได้สามารถชาร์จเต็มเร็วสุด 3 นาที โดยไม่ได้ระบุการวิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
พร้อมความปลอดภัยติดตั้งเซ็นเซอร์ LIDAR สามตัวซึ่งรวมถึงเซนเซอร์หนึ่งตัวที่อยู่ตรงกลางและกล้องความละเอียดสูงสองตัวที่ขอบด้านหน้าของหลังคา ทำหน้าที่ตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็ว นอกจากนี้ยังมีกระจกมองหลังแบบดิจิตอล มีแชสซีอัจฉริยะ Sky Ride พร้อมระบบบังคับเลี้ยวที่ล้อหลัง มุมสูงสุด 8.3 องศา และช่วงล่างไฮดรอลิกแบบ fully active โดยโช้คอัพแต่ละตัวจะถูกควบคุมอย่างอิสระ
NIO ET9 เปิดรับจองล่วงหน้าตั้งแต่บัดนี้และเตรียมขายจริงและส่งมอบที่จีนต้นปี 2025 ในราคา 800,000 Yuan หรือราว 3,860,000 บาท
ที่มา Carscoops