นอกจากจะมีการแนะนำ Volvo EX40 และ Volvo EC40 Black Edition โดยมาในรุ่นท็อปสุดขับสี่แล้วยังมีรุ่นปกติจำหน่ายควบคู่กัน
ชื่อใหม่ Volvo EX40 แทนชื่อเดิม Volvo XC40 Recharge และ Volvo EC40 แทนชื่อเดิม Volvo C40 Recharge เพื่อเติมเต็มและสอดคล้องกับพอร์ตโฟลิโอกลุ่มรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบและจดจำง่าย
ภายนอก
ออปชันทั้งภายนอกสองรุ่นยังคงเดิมทั้งไฟหน้าทรงเอกลักษณ์ค้อน Thor’s Hammer แบบ pixel LED พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟท้าย C Shaped แบบ LED กระจังหน้าโค้งเว้าพร้อมตราโลโก้ Volvo ขนาดใหญ่แบบ Iron mark ไฟท้าย LED ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ 5-Spoke Black Diamond Cut พร้อมยางหน้า 235/50 R19 และยางหลัง 255/45 R19 ฝากระโปรงหน้าแปลงกายเป็นที่วางสัมภาระ 31 ลิตร ตัวรถเริ่มที่รุ่น EX40 ความยาว 4,440 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,863 (รวมกระจกมองข้าง 2,034) มิลลิเมตร ความสูง 1,647 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,702 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น EC40 ความยาว 4,440 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,873 (รวมกระจกมองข้าง 2,034) มิลลิเมตร ความสูง 1,591 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,702 มิลลิเมตร
ภายใน
ภายในมาพร้อมการออกแบบสไตล์ Charcoal Fusion Microtech/Textile in Charcoal Interior โดยที่นั่งโดยสารภายในสำหรับ 5 ที่นั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อการนั่งที่สบาย ตัวเบาะหุ้มด้วยวัสดุผ้านิ่ม Fusion Microtech ผสานกับการเดินเส้นที่มีลวดลายเสมือนงานสามมิติ โทนสีดำ Charcoal สีภายในของตัวรถเป็นสีดำ Charcoal มาพร้อมชิ้นส่วนตกแต่งสไตล์ Topography เรืองแสง และวัสดุหุ้มหนังภายในใช้หนังสัตว์ 100% โดยแทนที่ด้วยวัสดุสังเคราห์ และวัสดุรีไซเคิลเพื่อเป็นส่วนประกอบของเบาะ พวงมาลัย เกียร์ และพรม ให้ความสวยงาม หรูหรา และทนทาน
แผงคอนโซลหน้าและประตูด้านข้างแถวหน้าในดีไซน์ Topography Translucent Decor ที่ลายเส้นได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ของเทือกเขา อบิสโก (Abisko) ในแถบตอนเหนือของประเทศสวีเดน โดยตัวดีไซน์ประกอบด้วยลายเส้น พื้นผิวสะท้อนแสง และดวงไฟที่ซ้อนกันถึง 3 เลเยอร์ จึงทำให้เกิดมุมมองสามมิติบนผิวสัมผัสที่เรืองแสงเพิ่มความโดดเด่นให้ห้องโดยสาร
หลังคา Panoramic Glass Roof ให้มุมมองและความรู้สึกโล่งสบายในห้องโดยสารแต่ป้องกันความร้อนภายนอกได้สูงถึง 80% พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านสีดำ Charcoalคันเกียร์รูปทรงพิเศษเกียร์หุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์สีดำแบบด้านคุณภาพสูง ในรูปทรงที่เรียบเท่ห์ จับถนัดมือ ติดตั้งระบบ Infotainment ขนาด 9 นิ้ว Volvo with Google Built in ที่ให้คุณใช้แอปอย่าง Google Maps, Google Assistant ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านคำว่า “Hey Google” เพื่อควบคุมแอป อย่าง Sportify รวมทั้ง Google Play หรือจะควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้พร้อมระบบปฏิบัติการ Android สามารถอัปเดทผ่านทาง OTA (over-the-air) และ Apple Car Play
ลำโพงระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Harman Kardon รอบคัน 13 จุด แอมปลิไฟเออร์ 600 วัตต์ รวมซับวูฟเฟอร์และ Air-Ventilated ชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย มาตรวัดอันทันสมัย แบบจอสี TFT ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ระบบทำความเย็นในห้องโดยสารมาพร้อมระบบฟอกอากาศจึงช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายเข้าสู่ห้องโดยสารได้สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งคุณยังสามารถตรวจสอบระดับของฝุ่นหรือคุณภาพอากาสในห้องโดยสารได้ตั้งแต่ที่คุณอยู่นอกรถผ่านวอลโว่ คาร์ส แอปพลิเคชั่น
พื้นที่บรรทุกสัมภาระเพื่อจัดเก็บสิ่งของด้านท้ายรถขนาด 410 ลิตร เพียงพอที่จะบรรทุกกระเป๋าเดินทางสองใบ และเมื่อปรับเบาะ เบาะด้านหลังที่พับราบได้แบบ 60/40 ให้พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุดถึง 1,286 ลิตร ในรุ่น EX40 และพื้นที่ด้านท้ายตอนไม่พับเบาะ 404 ลิตรและตอนพับเบาะ 1,196 ลิตร ในรุ่น EC40
สมรรถนะ
รุ่นปกติจำหน่ายทั้งรุ่น Twin Motor มอเตอร์ไฟฟ้าคู่แยกมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าขับเคลื่อนสี่ล้อหรือ Twin Motor Dual Motor AWD P8 รหัส E400V6 ความจุแบตเตอรี่ 82 kWh พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าแบบอะซิงโครนัสมอเตอร์ให้กำลัง 150 แรงม้าและมอเตอร์หลังไฟฟ้าหลัง 258 แรงม้าให้กำลังสูงสุดเท่าเดิม 408 แรงม้า ที่ 4,350–13,900 รอบต่อนาที แรงบิด 660 นิวตันเมตร ให้ระยะทางการขับขี่เพิ่มขึ้นเป็น 645 กิโลเมตรต่อการชารจ์หนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ในรุ่น EX40 และ 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.8 วินาที ในรุ่น EX40 และ 4.7 วินาทีในรุ่น EC40 ตามมาตรฐาน NEDC ในรุ่น EC40 การชาร์จเร็วแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 200 kW (เดิม 150 kW ได้ 29 นาที) จาก 0-80% ในเวลา 28 นาที ชาร์จช้ากระแสสลับ AC ยังคงเดิมด้วย 0-100% ประมาณ 8 ชั่วโมง เครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้านแบบมาตรฐาน (WALLBOX EV Changer) ขนาด 11 กิโลวัตต์
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง Single Motor ให้กำลังมากถึง 238 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร จากชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion Nickel rich NCM ที่มีความจุ 69 kWh (แต่ใช้งานได้ 66 kWh) ทั้งคู่ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.3 วินาที และ ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเพิ่มขึ้นเป็น 590 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ในรุ่น EC40 และ 565 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ในรุ่น EX40 ด้านการชาร์จด้วยกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จ 150 kW โดยการชาร์จเร็ว 10-80% ได้ 34 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังการชาร์จ 11 kW โดยการชาร์จ 0-100% ได้ 7 ชั่วโมง
เทคโนโลยีและความปลอดภัย
ด้วยออปชัน Advanced Driver Assist System (ADAS) ช่วยให้กล้องและเซนเซอร์รอบตัวรถตรวจจับวัตถุได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และฟังก์ชันเพื่อช่วยในการขับขี่อื่นๆอาทิ
- เพิ่มระบบช่วยหยุดรถฉุกเฉิน Emergency Stop Assist (ESA) Driver Assist with Pilot Assist
- ช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control
- ควบคุมความเร็วแปรผันเพื่อรักษาระยะห่าง Collision Avoidance
- เลี่ยงการชนและหยุดรถอัตโนมัติ Cross Traffic Alert with Auto Brake
- แจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด พร้อมฟังก์ชันหยุดรถอัตโนมัติ Lane Keeping Aid
- แจ้งเตือนด้วยแรงสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถวิ่งออกนอกช่องทางเดินรถ
- Pilot Assist เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเพื่อช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อย่างปลอดภัย
- City Safety หลีกเลี่ยงการชนผ่านการใช้เซนเซอร์ตรวจจับเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
- Park Assist Camera เข้าจอดรถด้วยมุมมองแบบ 360° ผ่านกล้องสี่ตัว เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิค สิบสองตัว
Volvo EX40 และ Volvo EC40เปิดราคาจำหน่ายรวมแพ็คเกจ Volvo Premium Service Package PRO (VPSP PRO) ดังนี้
- Volvo EX40 Ultra – Single Motor ราคา 1,990,000 บาท
- Volvo EX40 Ultra – Twin Motor ราคา 2,690,000 บาท
- Volvo EC40 Ultra – Single Motor ราคา 2,090,000 บาท
- Volvo EC40 Ultra – Twin Motor ราคา 2,790,000 บาท
พร้อมสีภายนอก 6 สีพร้อมหลังคาดำ ดังนี้ สีใหม่สีครีม Sand Dune Metallic, สีฟ้า Cloud Blue Metallic, สีเทา Vapour Grey Metallic, สีดำ Onyx Black Metallic, สีเขียว Sage Green Metallic และสีขาว Crystal White Metallic
