ย้ำแล้ว ย้ำอีก และยังคงย้ำอยู่เรื่อยมาสำหรับ Toyota ที่ยังคงยืนยันว่าการหันไปใช้ EV กันอย่างรวดเร็วของค่ายผู้ผลิตรถต่าง ๆ นั้น จะส่งผลให้เกิดสภาวะขาดแคลนทรัพยากรในที่สุด ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางค่ายได้ตอบรับกระแสในการมุ่งหน้าไปทาง EV ก็ตาม
Gill Pratt หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Toyota Motor Corp. และ CEO ของ Toyota Research Institute ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ในญี่ปุ่น โดยเขายังคงโต้แย้งอีกครั้งว่า การเปลี่ยนไปใช้ EV จะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ และแนวทางที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทางไฟฟ้าโดยใช้รถยนต์ไฮบริดและไฮโดรเจนควบคู่กับ EV จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“เมื่อถึงที่สุดแล้ว ข้อจำกัดด้านทรัพยากรจะสิ้นสุดลง แต่กว่าจะถึงตอนนั้น คงจะเป็นเวลาหลายทศวรรษทีเดียวที่เราจะไม่มีวัสดุแบตเตอรี่และทรัพยากรการชาร์จแบบหมุนเวียนที่เพียงพอสำหรับ BEV” Pratt กล่าวในรายงานของสื่อ Bloomberg
หลายฝ่ายกังวลว่า Toyota นั้นได้ต่อให้คู่แข่งนำไปก่อนมากเกินไปในแง่ของ EV โดยในตอนนี้ Tesla และ BYD นับว่าเป็น 2 ผู้เล่นที่นำหน้าในการใช้พลังงานไฟฟ้า อีกทั้ง Toyota bZ4X ยังไม่สามารถสร้างกระแส EV ให้กับแบรนด์ได้ แถมยังถูกเรียกคืนหลังจากที่เปิดขายได้ไม่นาน
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทางบริษัทจะเอ้อระเหยปล่อยปละละเลยการประยุกต์ใช้ EV แต่อย่างใด โดยทางค่ายวางแผนที่จะขาย BEV ปีละ 1.5 ล้านคัน ภายในปี 2026 และมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 10 รุ่น ในระหว่างช่วงเวลานั้น
ในเดือนเมษายน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและพลังงานให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซจากรถยนต์ภายในปี 2035 แต่ยังไม่มีการกำหนดเป้าหมายชั่วคราวหรือเส้นตายสำหรับการหยุดขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย ICE ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ Toyota ตื่นตัวมากขึ้นหากพวกเขากำหนดมันขึ้นมา
อ้างอิง : carscoops.com
