More

    ยลโฉมจริง! 2023 Toyota Vellfire HEV สปอร์ตเอ็มพีวีหัวใจรักษ์โลก

    นอกจากจะเปิดตัว Toyota Alphard แล้วยังมีเอ็มพีวีระดับพรีเมียมที่สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามานานกับ Toyota Vellfire เจเนอเรชันที่ 4 รหัส AH40

    Toyota

    Toyota Vellfire เป็นการปรับโฉมทั้งคันในรอบ 8 ปีโดยเข้ามาจำหน่ายเป็นรุ่น Hybrid-HEV ภายนอกมีความคล้ายกับ Toyota Alphard รุ่น HEV Luxury แต่ปรับสไตล์แบบ Sport Luxury ตั้งแต่ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น พร้อมโลโก้สามห่วง ไฟหน้าแบบ LED Projector 3 ดวง พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบวิ่ง Sequential ชุดกันชนหน้า-กันชนหลังดีไซน์หรู

    ด้านข้างมีเอกลักษณ์ด้วยสัญลักษณ์ตัวอักษรเฉพาะบริเวณประตูคู่หน้าตรงเสา B เสริมคิ้วโครเมียมเด่นทั้งกรอบกระจกทุกส่วน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูน ที่เปิดประตูโครเมียมแบบดึงก้านออกแบบหลุมก้านเปิดประตูให้เรียบเนียนกับตัวถัง ชุดแผงป้ายทะเบียนท้ายติดตรา Vellfire ที่ออกแบบเว้นช่องว่างของตัวอักษรให้สวยงาม ข้างบนของชุดแผงป้ายทะเบียนติดตราสามห่วง

    Toyota

    ไฟท้าย LED รูปตัว U เสริมขอบโครเมียมไว้กรอบไฟท้ายและไฟตัดหมอกหลัง ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย ประตูสไลด์ 2 บาน เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคามูนรูฟแบบ Twin Moonroof 2 บานตรงกลางซ้าย-ขวา ล้ออัลลอยขนาดใหญ่สุด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19

    ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน TNGA (GA-K) ใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่ความยาว 5,005 มม. ความกว้าง 1,850 มม. ความสูง 1,950 มม. ฐานล้อ 3,000 มม.ระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มม. และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร

    Toyota

    ภายในอลังการกับงานออกแบบที่หรูหราตอบโจทย์ผู้นำเริ่มที่ ชุดเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Premium Nappa ด้วยโทนสีดำ พร้อมออปชันภายในยกมาจาก Toyota Alphard รุ่น HEV ตั้งแต่ เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าโดยด้านคนขับปรับได้ 8 ทิศทางพร้อมระบบความจำ 3 ตำแหน่งและผู้โดยสาร 4 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet 5.5 นิ้ว คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว

    Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนที่สามนั่งได้สามที่นั่งสามารถพับได้แบบ 50/50 ชุดแผงคอนโซลหน้าบุด้วยหนังสัมผัสเดินด้ายอย่างประณีต จอสัมผัสขนาดใหญ่ตั้งแต่ 14 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านแอป T-Connect เชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay ไร้สาย, Android Auto และระบบนำทาง เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 4 โซนพร้อมระบบฟอกอากาศ Nanoe X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านออกแบบใหม่หุ้มหนังปรับสูง-ต่ำ ใกล้-ไกล 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้า Head-Up Display ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศแบบ LED Ambient Illumination Light ปรับได้ 64 สี ลำโพงคุณภาพพรีเมียม JBL 15 จุด ช่องชาร์จแบบเสียบสายผ่าน USB ด้านหน้า 3 จุดและด้านหลัง 4 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สายและเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold

    Toyota

    ขุมพลังที่จำหน่ายนั้นมีเพียงขุมพลังเดียวนั่นคือเบนซิน Hybrid Dynamic Force รหัสใหม่ A25A-FXS 2.5 ลิตรให้กำลังถึง 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 238 นิวตันเมตร ที่ 4,300-4,500 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าแบบ 5NM ให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าหลังแบบ 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 250 แรงม้าแรงบิด 315 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสามโหมดทั้ง EV, Normal และ ECO ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ E-Four

    พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังอิสระ Double Wishbone เสริมเหล็กกันโคลงหน้า-หลังและตัวค้ำโช้คเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนเสริมด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าที่มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 ม.และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เหมือนกับ Toyota Alphard ทั้ง เตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System (PCS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบเรดาห์ All-Speed Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) หยุดและเคลื่อนรถอัตโนมัติและลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง LANE TRACING ASSIST WITH CURVE SPEED REDUCTION ในชุด DRCC เตือนรถออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert (LDA) ช่วยให้รถอยู่ตรงกลางเลน Lane Tracing Control (LTA) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam (AHB)

    ไฟสูงปรับการกระจายแสงอัตโนมัติ Adaptive High Beam System (AHS) เตือนจุดมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSM) เตือนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) เตือนขณะออกจากรถ Safe Exit Assist (SEA) กระจกมองหลังแบบดิจิทัล เซนเซอร์รถอัจฉริยะสามารถเบรกอัตโนมัติเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง Intelligent Clearance Sonar ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด กล้องมองภาพรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) สัญญาณกะระยะการจอดหน้า-หลัง รวม 4 ตำแหน่ง ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC

    ควบคุมการทรงตัว VSC พร้อม TRC ควบคุมการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HAC สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ

    Toyota

    Toyota Vellfire มีสีภายนอกเลือกถึง3 สีทั้งสีดำ Black สีขาวมุก Platinum White Pearl และสีเทา Precious Metal จำหน่ายรุ่นเดียวคือรุ่น HEV ในราคา​ 4,279,000 บาท ส่วน Toyota Alphard มีสองรุ่นย่อยทั้ง

    • รุ่น HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท
    • รุ่น HEV ราคา 4,129,000​ บาท

    มั่นใจสูงสุดกับข้อเสนอสุดพิเศษแพ็กเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10) พร้อมรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม.เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กม.

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts