ตลาดรถ D-Segment ยังคงเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปแม้กลุ่มรถเอสยูวีและรถไฟฟ้ามาแย่งตลาดและมีผู้เล่นไม่มาก รวมถึง Honda Accord e:HEV
หลังจากเปิดตัว Honda Accord ร่างเจเนอเรชันที่ 11 ที่อเมริกา จีน ญี่ปุ่น และไทย ล่าสุด ออสเตรเลีย พร้อมแล้วที่จะนำมาขายหรูตั้งแต่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมไส้ในรังผึ้ง ไฟหน้า Full LED แนวยาว ชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ไฟท้าย LED แนวยาวล้อมฝาท้ายที่คล้ายๆรถยุโรป สปอยเลอร์หลังดีไซน์เพรียวแบบเดียวกับ Civic FE ด้านข้างโดยเฉพาะเส้นสายที่ชายประตูล่างรวมถึงกระจกโอเปร่าสไตล์เด่นล้ออัลลอยให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R17 ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/40R19
มิติตัวรถใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,971 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,852 มิลลิเมตร ความสูง 1,450 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,830 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,469-1,602 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 48 ลิตร
ภายในหรูหราด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.2 นิ้วจอสัมผัสขนาดใหญ่เลือกได้ตั้งแต่ขนาด 7 กับ 12.3 นิ้วรุ่นแรกของค่ายที่ติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมามีระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto Apple CarPlay อัปเดตออนไลน์ over-the-air ลำโพง BOSE 12 จุด ชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging ควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์ Honda Connect
ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ Honda ตกแต่งด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ ผิวสัมผัสหุ้มหนัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง ปุ่ม Push Start จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้า Head Up Display ไฟส่องสว่างภายในแบบ LED Map Lights ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Lightingเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เบาะนั่งหุ่มวัสดุกึ่งหนังแท้โดยด้านคนขับและคนนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบความจำ พื้นที่สัมภาระท้ายมากถึง 473 ลิตร แถมยังขยายพื้นที่วางในส่วนผู้โดยสารด้านหลังมากถึง 1,036 มิลลิเมตร มากกว่า Honda Accord เจนที่แล้วถึง 10 มิลลิเมตร
ขายรุ่นเดียวคือ Full Hybrid e:HEV ด้วยเบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFB1 ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD)ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาทีในภาคมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว และแบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้กำลังรวมเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน 207 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) โหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดทั้งโหมด ECON, Normal, Sport และ Individual ขับเคลื่อนความเร้าใจทุกการขับขี่
มีสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า เพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น
ระบบความปลอดภัยมาพร้อม Honda SENSING 360 ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดแบบรอบคันครบครันพร้อมระบบใหม่ แจ้งเตือนรถตัดหน้าก่อนออกรถ (Front Crossing Vehicle Warning) ช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อจะเปลี่ยนเลนกะทันหัน (Collision Prevention Function When Changing Lanes) และเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Change Support) ช่วยเหลือการขับขี่มาตรฐานทั้งระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System (CMBS) ป้องกันการเหยียบคันเร่งพุ่งชนสิ่งกีดขวางทั้งเดินหน้าและถอยหลัง False start prevention function Front x Rear ระบบช่วยเบรกระยะสั้น Short-distance collision mitigation brake ช่วยหักหลบคนเดินถนน Pedestrian Accident Reduction Steering)
เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System (RDM) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow (ACC with LSF) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist (TJA) เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure Notification System (LCDN) บอกข้อมูลป้ายสัญญาณจราจร Traffic Sign Recognition System (TSR)
ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam (AHB) พร้อมไฟสูงปรับแยกอิสระซ้าย-ขวาโดยอัตโนมัติ Adaptive Driving Beam (ADB) เตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information System (BSI) ระบบช่วยจอดรถ Honda Parking Pilot สัญญาณกะระยะการจอดรถ Parking Sensors ระบบ Reverse Exit Support และถุงลมนิรภัยรอบคัน เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW) เตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning (LDW) ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Monitor (DAM) เตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย ด้วยเสียงและสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอ Cross Traffic Monitor (CTM) และเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ Low-Speed Braking Control
Honda ออสเตรเลียเตรียมเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2024 คาดว่านำเข้ามาจากประเทศไทย มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมดสี่สีได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)
ที่มา Carsales