หลังจากเปิดตัวตั้งแต่ปีกลายที่ญี่ปุ่นกลายเป็นดาวเด่นขายดี สำหรับ Mitsubishi DELICA MINI มินิคาร์ทรงกล่องสไตล์ครอสโอเวอร์ตจากค่ายมิตซูบิชิ
ล่าสุด Mitsubishi เปิดตัว Mitsubishi DELICA MINI รุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2024 ที่หน้าตาออปชันยังคงเดิมเพิ่มเติมด้วยปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบล่าสุดของญี่ปุ่น ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับการเชื่อมต่อระหว่างรถกับปลายทาง
หล่อตั้งแต่กระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield พร้อมไฟหน้า LED และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ทรงกึ่งวงรีในโคมเดียวกัน กันชนหน้าใหม่ปักชื่อ DELICA ขนาดใหญ่พร้อมคิ้วสีเทามีกรอบไฟตัดหมอกหน้าคิ้วชายล่างสีเงินใส่มาให้ดูเป็นรถลุยขนานแท้ ราวหลังคาที่หลังคารถ เสา A ถึง เสา C ตกแต่งสีดำทั้งหมด พร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งรูปตัว L พร้อมปักชื่อ DELICA ขนาดใหญ่ รับกับกันชนหลังสีดำเสริมคิ้วสีเงินมาเติมเต็มความเข้มขึ้น ล้ออัลลอยห้าก้านคู่สีเข้มคาดมาในขนาด 14 นิ้ว พร้อมยาง 155/65R14 ในรุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อนสองล้อ ขนาด 15 นิ้ว ทูโทนพร้อมยาง 165/55 R15 สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ Premium 165/60R15 สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
มินิคาร์จอมลุยคันนี้นำพื้นฐานของ Mitsubishi eK X Space และ Nissan ROOX ยกงานดีไซน์จากรุ่นพี่ Mitsubishi DELICA พร้อมิติตัวรถที่คล่องตัวตั้งแต่ความยาว 3,395 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,475 มิลลิเมตร ความสูง 1,800 มิลลิเมตร และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อความสูง 1,830 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,495 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 155 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 980-1,000 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 27 ลิตร
ภายในยกมาจาก Mitsubishi eK X Space ด้วยประตูสไลด์ 2 ข้าง เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเปิดกว้างถึง 650 มิลลิเมตร สบายแบบ 4-5 ที่นั่งพร้อมออปชันมาตรฐานทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงผล TFT เครื่องเสียงพร้อมจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
ขุมพลังยกมาทั้งหมดเบนซินไฮบริดชนาด 660 CC. รหัส BR06 มี 2 ทางเลือก แบบธรรมดา 52 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 60 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาทีและเบนซิน Turbo ขนาดเดียวกันแต่ให้กำลังมากถึง 64 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบ Hybrid จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า SM21 ให้กำลังถึง 2.7 แรงม้าที่ 1,200 รอบต่อนาที แรงบิด 40 นิวตันเมตรที่ 100 รอบต่อนาที เป็น Lithium ion battery จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-Ⅲ CVT เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ AWC พร้อมช่วงล่างแบบทอชันบีมในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและแบบ 3 Link ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ MI-PILOT (My Pilot / Mitsubishi Intelligent-PILOT) ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ เสริมการทำงานในยามขับขี่บนถนนเลนเดียวไปจนถึงการเดินทางบนทางด่วน พร้อมกระจกมองหลังอัตโนมัติ พร้อมกล้องรอบคันในตัว Around View Monitor และระบบความปลอดภัยทั้ง ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว Forward Collision Mitigation System (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาพร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB) ช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping Assist (LKA)
ล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติแบบเรดาห์ Radar Cruise Control [ACC] ตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง Pedal Misapplication Prevention Assist (EAPM) จดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition System [TSR] เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Leading vehicle departure notification [LCDN] แจ้งเตือนคนขับเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ออกจากเลน Lane Departure Warning System [LDW] ควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Departure Prevention Assistance System [LDP] เตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ Drift Alert [DAA] และ ตรวจจับการเบรกกะทันหัน ของรถยนต์คันที่อยู่ถัดออกไปอีกสองคัน Predictive Forward Collision Warning (PFCW)
จากความสำเร็จในด้านยอดขายและความเชื่อมั่นตั้งแต่ พฤษภาคมปีที่แล้วจนตอนนี้สร้างยอดขายสะสมมากสุด 44,000 คัน และมียอดจองสะสมมากกว่า 50,000 คัน นับตั้งแต่เปิดขายมาตลอด 1 ปี และด้วยความโดดเด่นในด้านประสิทธิภาพการขับขี่ที่ปลอดภัยและการยึดเกาะถนนที่มั่นคง จากยางเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ขนาด 165/60R15 และโช้คอัพพิเศษที่มีเฉพาะทำให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นมั่นใจเลือกรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาเป็นรถคู่ใจมากถึง 51% ส่วนเกรดรุ่นคนญี่ปุ่นเลือกรุ่น T Premium Turbo มากถึง 62%, รุ่น G Premium 29%, รุ่น G 5%, รุ่น T Turbo 4% หมายความว่าาภาพรวมกว่า 90% คนญี่ปุ่นเลือกรุ่น T Premium และ รุ่น G Premium
ส่วนสีตัวถังที่คนญี่ปุ่นนิยมนั้น 5 อันดับแรกได้แก่ สีเขียวหลังคาดำ Ash Green Metallic/Black Mica และ สีเขียวโมโนโทน Ash Green Metallic มากถึง 17% สีขาวมุก White Pearl (12%), สีครีม Natural Ivory Metallic (9%) และสีขาวมุกหลังคาดำ White Pearl/Black Mica (8%) ตามลำดับ
Mitsubishi DELICA MINI MY2024 มีสีภายนอกถึง 12 สีแบ่งเป็น 6 สีทูโทน และ 6 สีโมโนโทน มีทั้งหมด 6 รุ่นย่อย 4 เกรดความหรูตั้งแต่รุ่น G, G Premium, T และ T Premium ด้านราคาอยู่ที่ 1,837,000-2,271,500 Yen หรือราว 425,000-525,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าแต่ถ้านำเข้าจะอยู่ที่ 1,225,000- 1,514,000 บาท
ที่มา Carwatch