ในที่สุด Volkswagen เคาะวันเปิดตัว Volkswagen Transporter หรือ Volkswagen Caravelle รถตู้เจเนอเรชันที่ 7 แห่งเยอรมนี
Volkswagen Caravelle หรือ Volkswagen Transporter เจนที่ 7 สานต่อความสำเร็จจากเจนที่ 6 หรือรหัส T6 ทำตลาดมายาวนานกว่า 8 ปี ผนวกกับทาง Volkswagen และ Ford จับมือพัฒนารถยนต์เชิงพาณิชย์ร่วมกันตั้งแต่กระบะยันไปจนถึงรถตู้
ภายนอก Exterior
นำพื้นฐาน Ford Transit Custom มาปรับตัวตนให้เป็นในสไตล์ VW ภายนอกหล่อทั้งคัน ตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบพร้อมตราโลโก้ ขนาบข้างกับไฟหน้า LED และ ไฟ DRL แบบ LED ดีไซน์เป็นแส้นแนวนอนยาวตั้งแต่ซ้ายขวาเชื่อมต่อไปใต้โลโก้ พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่เส้นแนวนอนกับกันชนหน้าดีไซน์รูปตัว U ด้านข้างดีไซน์ตามความเป็นรถตู้ทั่วไป
ความต่างของ Caravelle กับ Transit Custom ตรงที่กรอบกรอบกระจกเสา B คู่หน้าฝั่งคนขับและคนนั่งทาง Caravelle จะเล่นดีไซน์เส้นแนวตั้งตรงๆ ต่างจาก Transit Custom กรอบเสา B เป็นรูปตัวแอล มีประตูสไลด์เปิดสองข้างพร้อมบันไดข้างเลื่อนไฟฟ้าเด่นด้วยคิ้วโครเมียมที่กรอบประตู ประตูท้ายแบบเปิดทั้งบานและไฟท้ายแนวตั้ง LED พร้อมล้ออัลลอยและกระทะล้อเลือกได้ตั้งแต่ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 215/65R16 ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50 R19 ตัวรถใหญ่ทุกมิติตั้งแต่
- ความยาว 5,050 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,100 มิลลิเมตร ในรุ่นฐานล้อสั้น
- ฐานล้อยาว 5,450 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,500 มิลลิเมตร
ภายใน Interior
ดีไซน์คอนโซลหน้ามาจาก Ford Transit Custom ทั้งระบบความบันเทิงจอสัมผัส 13 นิ้วอันโอ่อ่า พร้อมลำโพงคุณภาพกับซับวูฟเฟอร์ เชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto มาตรวัดดิจิตอลขนาด 12 นิ้ว ที่ชาร์จไร้สายในชุดคอนโซลหน้าเท่ๆ พร้อมช่องเสียบ USB-A และ USB-C
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน กุญแจรีโมทแบบ ดิจิตอลการ์ด พร้อมเทคโนโลยี NFC รองรับการสื่อสารในรถแบบ 5G หลังคารถแบบพาโนรามา สบายด้วยห้องโดยสารทั้งแบบโดยสารส่วนบุคคลสามตอนเสริมโต๊ะขนาดเล็กไว้สำหรับกิจกรรมสันทนาการแถมยังพับเลื่อนหรือถอดเบาะได้ ตั้งแต่ 2,3,4,5 และ 6 ที่นั่งหรือเวอร์ชันตู้ทึบตู้กระจกไม่มีเบาะสำหรับการบรรทุกล้วนๆ
สมรรถนะ Performance
มีตั้งแต่สันดาปไปจนถึงไฟฟ้าล้วนยกมาจาก Ford เรื่มที่
- รุ่นไฟฟ้าล้วน มีความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 74 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง มีกำลังหลากหลายตั้งแต่ 116 แรงม้า 136 แรงม้า 218 แรงม้า และแรงสุด 286 แรงม้า แต่แรงบิดเท่ากันคือ 415 นิวตันเมตร วิ่งไกลสูงสุด 370 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP สามารถชาร์จเร็ว DC 15-80% ในเวลา 41 นาที รองรับกำลังไฟสูงสุด 124 kW กระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW ชาร์จได้ 7.2 ชั่วโมงรองรับการลากจูงมากถึง 2,000 กิโลกรัม
- เบนซินเทอร์โบ PHEV 2.5 ลิตร ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออน 11.8 kWh ถ้าวิ่งโหมดไฟฟ้าวิ่งไกลสุด 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ให้กำลังรวม 233 แรงม้า
- ดีเซลเทอร์โบ TDI 2.0 ลิตรมีหลากหลายความแรงตั้งแต่ 136 แรงม้าที่ 3,250-3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที และ 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 390 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที และมีดีเซลทางเลือกใหม่ตามมาสมทบ ทั้ง 110 แรงม้า กับ 150 แรงม้า
จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Normal ECO และ Slippery มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MOTION ที่มีเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบอัตโนมัติในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และแบบกลไกที่เพลาหน้าสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา รองรับการลากจูงมากถึง 2,500 กิโลกรัม
Volkswagen Transporter หรือ Caravelle ประกอบที่โรงงาน Ford Otosan ในเมือง Kocaeli ประเทศตุรกี ซึ่งจะโรงเดียวกันที่ Ford Transit Custom, Ford E-Transit Custom, Ford Tourneo Custom และ Ford E-Tourneo Custom
พร้อมตอบโจทย์เหล่า นักธุรกิจ นักการเมือง เซเลป ที่ชื่นชอบการเดินทางที่สบายๆ มาครบทั้งรถตู้ฐานล้อสั้น ฐานล้อยาว ทั้งแบบตู้ทึบ ตู้กระจก ตู้กระจกตกแต่งภายใน หลังคามาตรฐาน หลังคาสูงและมีกระบะท้ายสี่ประตู
เตรียมเปิดตัวทั่วโลก 17 กันยายนนี้ที่งาน 2024 German International Transport Expo และส่งขายทั่วโลกต้นปี 2025 ส่วนเมืองไทยต้องดูท่าทีของทางไทยยานยนตร์ ผู้จำหน่าย Caravelle ว่าจะเปิดตัวในช่วงไหนต้องติดตาม
ที่มา Autohome