ที่ออสเตรเลียพึ่งเปิดตัวรุ่นพิเศษขายเพียง 1,500 คันไปไม่นานแต่ยังมีอีกรุ่นที่แฟนเรียกร้องอยากให้มาขายนั่นก็คือ Ford Ranger Tremor
ล่าสุด Ford ออสเตรเลียขยายไลน์อัพกระบะเพิ่ม Ford Ranger Tremor ซึ่งได้ขายไปแล้วทั้งยุโรปและแอฟริกาใต้กับนิวซีแลนด์ นำรุ่น 4 ประตู Sport มาตกแต่ง
ภายนอก Exterior
อ้างอิงจากสเปกนิวซีแลนด์มีกลิ่นไอความเป็น Raptor และ FX4 MAX เข้ามาผสมผสานตั้งแต่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมสีดำเข้ม ติดไฟ AUX Lamp (ทำงานเมื่อเปิดไฟสูง) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ดีขึ้นในทุกสภาพอากาศ เพิ่มความปลอดภัยในการขับเวลากลางคืนในชุดกระจังหน้า ชุดไฟหน้า LED รูปตัว C กับไฟส่องสว่าางเวลากลางวัน DRL LED ในโคมเดียวกัน แผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องสีเงิน พร้อมตะขอลากรถสีดำใต้กันชนหน้า 2 จุด ติดไฟตัดหมอก LED สปอร์ตบาร์สีดำยาวทอดตลอดกระบะท้าย บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง กันชนหลัง ชุดไฟท้าย LED และตราสัญลักษณ์ Tremor ด้านท้าย และล้ออัลลอยลายเข้มขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง AT จาก General Grabber AT3 All-Terrain ขนาด 265/70 R17
ภายใน Interior
รองรับการใช้งานด้วยช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch พร้อมช่องต่อ AUX 6 ตำแหน่ง สะดวกในการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ อาทิ ชุดไฟ วินซ์ และไฟสปอตไลท์ คอนโซลหน้าทรงเหลี่ยมสีเข้มตกแต่งแบบ Ebony หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch 10.1 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® Android Auto™
พร้อมระบบ FordPass ช่องต่อ USB 4 จุด กับมาตรวัดดิจิทัลแบบสี 8 นิ้ว กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาและปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold เบาะนั่งหุ้มเบาะผ้าผสมไวนิลแบบกันน้ำสีเทาเข้ม Medium Dark Urban Grey ปักโลโก้ Tremor สีส้มในตัวเบาะด้านคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ขุมพลัง Performance
แน่นอนว่าเป็นดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร รหัส YN2Q ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด 10R80 แบบ e-Shifter พร้อมดิฟล็อกหลังไฟฟ้ากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time 4A ผสานกับโหมดการขับขี่แบบ Terrain Management System 6 โหมดทั้งโหมด Normal, โหมดประหยัด Eco, โหมดลากจูงและบรรทุก Tow/Haul, โหมดทางลื่น Slippery, โหมดทราย Sand, โหมดโคลน Mud/Ruts แล้ว ยังเพิ่มโหมดหิน Rock Crawl รวม 7 โหมด
ช่วงล่างอัปเกรดใหม่แบบเดียวกับ Ford Ranger WILDTRAK X โหดเต็มคาราเบลจากโช้คอัพ Bilstein Position-Sensitive แบบโมโนทิวบ์ พร้อมเทคโนโลยี End Stop Control Valve (ESCV) รองรับการบรรทุกและการโดยสารที่แน่นจิกทุกโค้ง รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้ยาง AT ขนาด 265/70 ส่งผลให้มีการขยายพื้นที่ด้านหน้าและหลังกว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร และความสูงจากใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 26 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่น WILDTRAK เดิมแต่ยังคงความเด่นในการลากจูงได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม ยังเพิ่มแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถเพิ่มเติมทั้งใต้เครื่องยนต์ ใต้ชุดเกียร์และใต้ถังน้ำมันเชื้อเพลิง
ความปลอดภัย Safety
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control
- ล็อกความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำในเส้นทางออฟโรด Trail Control มาให้โดยสามารถปรับตั้งความเร็วสูงสุด 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- เปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ Auto High-Beam
- ช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน จักรยาน และทางแยก Autonomous emergency braking (AEB) with Pedestrian, Cyclist, Car Detection Junction assist
- เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning with Brake Support
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ตรวจจับรถในจุดบอดและตรวจจับขณะออกจากช่องจอด Blind Spot Information System with Cross-Traffic Alert and Braking
- ป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง Reverse Brake Assist
- ช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ Evasive Steer Assist
- ระบบช่วยให้การเลี้ยวบนทางแคบได้ดีขึ้นในทางโหดหรือ Trail Turn Assist ควบคุมกำลังแรงบิดของล้อ แรงฉุด เบรกและเร่งความเร็วเพื่อให้จำกัดความเร็วได้ตามต้องการเสริมการขับทางโหดได้ดีกว่าเดิมด้วยการลดรัศมีวงเลี้ยวลง 25%
อุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง
- ถุงลมนิรภัย 9 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย ถุงลมบริเวณหัวเข่าและตรงกลางเบาะนั่งคนขับ
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- กล้องมองภาพด้านหลัง
- ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ดิสก์เบรกล้อหน้า
- ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
- ป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System)
- ช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
- ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation)
- ควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)
- สัญญาณกันขโมยแะกุญแจนิรภัย Security Alarm System and Immobilizer
รุ่นพิเศษจำนวนจำกัดมาพร้อมสีภายนอกถึง 6 สีได้แก่สีขาว Arctic White สีดำ Shadow Black สีเทา Conquer Grey สีเทา Meteor Grey สีบอรนซ์เงิน Aluminium Sliver และสีน้ำเงิน Blue Lightning ในราคาไม่รวมค่า On-Roads ของออสเตรเลียเริ่ม $69,390 หรือราว 1,635,000 บาท เริ่มขายตั้งแต่สิงหาคม งานนี้ต้องจับตาว่าทางไทยจะได้อานิสงสืครั้งนี้หรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา Whichcar