เรียกว่าเป็นการปรับปรุงเอาใจสายลุยชาวออสซี่เมื่อ Mitsubishi Triton เปิดตัวรุ่นปี 2025 ออกมาทีครั้งนี้หน้าตาเดิมแต่เพิ่มความสบายและเพิ่มรุ่นย่อยใหม่เอาใจคนงบจำกัดที่อยากได้ออปชันแบบเดียวกับรุ่นท็อป
ภายนอก Exterior
Mitsubishi Triton รุ่นปี 2025 เพิ่มเติมมานั้นเพิ่มเพียง TAIL GATE LIFT เปลี่ยนการเปิดปิดฝาท้ายกระบะให้สะดวกและนุ่มนวลเพียงปลายนิ้วสัมผัสเด่นด้วยช่วยประคองขณะเปิดปิดฝาท้ายไม่ให้กระแทก ช่วยผ่อนแรงในการยกปิดได้มากขึ้นเบาและสะดวกในการใช้งานมากขึ้นนอกนั้นคงเดิมโดยให้ในรุ่น GLX-R, รุ่น GLS และรุ่น GSR หรือรุ่น ATHLETE เวอร์ชันไทย
พร้อมกับแนะนำรุ่นย่อยใหม่ GLX-R ตกแต่งคล้ายรุ่น Black Edition ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield พร้อมกรอบไฟตัดหมอกหน้า สีดำด้านกระจกมองข้างสีดำด้าน มือเปิดประตูด้านนอกสีดำ คิ้วชายล่างประตูสีดำ มือเปิดกระบะท้ายสีดำ พร้อมสปอร์ตบาร์เหล็ก กันชนหลังสีเงิน และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง Highway Terrain ขนาด 265/60 R18
ด้วยหน้าตาแบบเดียวกับเวอร์ชันไทยสไตล์ BEAST MODE ตั้งแต่กระโปรงหน้าสู่ด้านข้างตัวถังในสไตล์แนวราบตกแต่งเหนือซุ้มล้อหน้า-หลังระยะโอเวอร์แฮงค์หน้าที่สั้นลงอัปเกรดหล่อด้วยชุดแต่งรอบคันไม่ว่าจะเป็น
ชุดกระจังหน้าสีดำเข้มพร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield ทั้งแบบสีดำ สีเดียวกับตัวรถ และโครเมียม ไฟหน้า LED 3 ดวงพร้อมไฟ DRL LED 3 ดวงบนขอบฝากระโปรงหน้า ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED และชุดไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ไฟเลี้ยวส่วนบนและไฟตัดหมอกหน้าเลือกได้ในบางรุ่น โดยทั้งหมดอยู่ในชุดกันชนหน้า
พร้อมชุดแต่งสีดำและโครเมียมทั้งคันตั้งแต่กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ที่เปิดประตู ที่เปิดฝากระบะท้าย สปอยเลอร์บนขอบกระบะท้ายพร้อมไฟท้าย LED แนวตั้งดีไซน์ใหม่รูปตัว H และกันชนหลังสีเงิน ล้อและยางมีให้เลือกทั้งแบบ 17 นิ้ว แบบอัลลอยและกระทะล้อ พร้อมยาง Highway Terrain และ All Terrain ขนาด 265/65 R17 และล้ออัลลอยสีเข้ม 18 นิ้ว
ทางด้านรุ่น GSR แต่งเหมือน Athlete เวอร์ชันไทยยกเว้นไม่มีการ์ดเสริมกันชนหน้านอกนั้นคงเดิมทั้ง ทางด้านรุ่น Athlete อัปเกรดหล่อด้วยชุดแต่งรอบคันไม่ว่าจะเป็น ชุดกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ พร้อมตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงินและตัวอักษร Mitsubishi ขอบกระจังหน้าสไตล์ Dynamic Shield สีดำ ชุดไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยสีดำเข้ม 18 นิ้ว พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำ ราวหลังคาสีดำ กับสปอร์ตบาร์ทูโทนสีดำ/เงิน และกันชนหลังสีดำ
ภายใน Interior
ภายในห้องโดยสารและแผงคอนโซลหน้าควบคุมภายใต้แนวคิด Horizontal Axis คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเน้นความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบพร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด กล่องเก็บของด้านหน้าช่องวางสมาร์ทโฟนและช่องเก็บของขนาดเล็กอื่นๆ มีความกว้างขวางที่ใช้งานได้สะดวกแผงควบคุมด้านหน้าและคอนโซลกลาง
พร้อมออปชันดังนี้ชุดมาตรวัด LCD พร้อมจอแสดงข้อมูล MID ขนาด 7 นิ้ว ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง 1 จุด แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม จอสัมผัสขนาดใหญ่ทั้งแบบ 9 นิ้วเชื่อมต่อทั้ง Android, Auto Apple Carplay ไร้สาย รองรับ FM/AM/MP3 พร้อมระบบนำทางในตัวจอ ลำโพงติดรถ 4- 6 จุด พวงมาลัยสามก้านแบบมัลติฟังก์ชันปรับได้ 4 ทิศทางหุ้มหนัง
เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หมุนเวียนอากาศบนหลังคาตอนหลัง หรือเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติให้เลือก เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า และ 6 ทิศทางปรับด้วยมือวัสดุหุ้มเบาะกึ่งหนังแท้สีดำในรุ่น GLS ให้เลือกเป็นออปชันเสริม และปรับด้วยมือด้านคนขับ 8 ทิศทางในรุ่น GLX-GLS มือจับหลังคา 8 ตำแหน่ง
ทางด้านรุ่น GSR เพิ่มสีสันด้วยโทนการตกแต่งสีดำ/ส้มในส่วนของชุดคอนโซลหน้าและแผงประตูวัสดุบุหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะนั่งทูโทนหุ้มกึ่งหนังแท้เทาเข้มเดินด้ายส้ม
สมรรถนะ Performance
ขุมพลังเป็นดีเซลเทอร์โบแปรผันคลีนดีเซลเทอร์โบคู่คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Twin Turbo Hyper Power Engine) ใหม่ 2.4 ลิตร 4N16 High Power ให้กำลัง 204 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 470 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport เลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time ทั้งแบบ Easy Select 4WD (2H, 4H และ 4L) ในรุ่น GLX และ GLX+
และขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ในรุ่น GLX-R, GLS และ GSR มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง มีระบบการขับเคลื่อนให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc
พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรด และแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ) พร้อมควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ
มีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (Active LSD-Brake Control Type) ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรี พร้อมส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น พร้อมกับมอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค รองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับและกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย
ระบบบังคับเลี้ยวจะเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS) ช่วยให้ขับขี่คล่องตัว ควบคุมได้ดังใจ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพ ด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อน
ความปลอดภัย Safety
สเปกออสเตรเลียติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยมากกว่าไทยทั้ง
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Emergency Lane Keeping (ELK)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Emergency Lane Assist (ELA)
- ควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Departure Prevention (LDP)
- เตือนด้านหน้าขณะออกจากช่องจอด Front Cross Traffic Alert
- เตือนและแสดงป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR)
- เตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
- ตรวจวจับพฤติกรรมเสี่ยงจะเกิดเหตุขณะขับขี่ Driver Monitor System (DMS)
- จำกัดความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limiter (ISL)
- ตรวจวัดลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS)
- ช่วยบังคับการลากจูง Trailer Stability Assist (TSA)
- ล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC)
- ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC)
- ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL)
- ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist: HSA)
- เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM)
- สัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW)
- สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA)
- เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA)
- กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)
พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง เบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เพื่อช่วยเบรก เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (AHB) ถุงลมนิรภัย 8 จุดรอบคัน เซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลัง
Mitsubishi Triton ขายทั้งหมด 6 รุ่นย่อย 5 เกรดระดับความหรูในร่าง 4 ประตูดับเบิ้ลแค็ปทั้งรุ่น GLX 4×2 และ 4×4, GLX+ 4×4, GLX-R 4×4 รุ่นใหม่, GLS 4×4 และ GSR 4×4
ในราคาไม่รวมค่า on-road เริ่ม $43,690- $63,840 หรือราว 985,000-1,439,000 บาทและรุ่นใหม่ GLX-R ไม่รวมค่า on-road เริ่ม $43,690- $63,840 หรือราว 1,279,000 บาท โดยมีสีภายนอก 8 สีดังนี้
- สีส้ม Yamabuki Orange Metallic
- สีบรอนซ์เงิน Blade Silver Metallic
- สีขาวมุก White Diamond
- สีขาว Solid White
- สีเทา Graphite Gray Metallic
- สีดำ Jet Black Mica
- สีแดง Solid Red (ไม่มีสีนี้ในไทย)
- สีน้ำเงิน Impulse Blue Metallic (ไม่มีสีนี้ในไทย)
ที่มา CAREXPERT