More

    GWM TANK 500 Hi4 หน้าใหม่พลังปลั๊กอินขายจีนเริ่ม 1.6 ล้านบาท

    GWM TANK 500 Hi4 รุ่นปรับโฉมเปิดเผยสเปกและเปิดรับจองสิทธิ์ พร้อมราคา Pre-Sale ที่จีนหลังแนะนำตัวให้ชาวจีนได้รู้จัก

    GWM

    GWM TANK 500 Hi4 รุ่นปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยปรับโฉมในส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดทั้งรุ่น Hi4-T และ Hi4-Z

    จุดเปลี่ยนใหม่

    • กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศแนวนอนใหม่ให้มีขนาดยาวขึ้นและโลโก้ TANK ที่ลงตัว
    • ปีกกระจังหน้าซ้าย-ขวา
    • โอบรับชุดไฟหน้าทรงเดิมแบบ Intelligent LED โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติและฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light บังโคลนหน้าออกแบบใหม่
    • ชุดกันชนหน้าทรงเดิมพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED
    • ตกแต่งหรูด้วยกรอบโครเมียมที่กระจก
    • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า
    • ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน
    • บันไดข้างขึ้นรูปแบบตายตัว
    • หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
    • ราวหลังคา
    • เสาอากาศแบบ shark fin

    ประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยและสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 265/55 R19 ใหญ่สุดล้ออัลลอยลายเดิมหลายซี่เปลี่ยนสีมาเป็นสีเงินเงาขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20

    • ความยาว 5,078 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,934 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,905 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 210 มิลลิเมตร
    • ความจุถังน้ำมัน 77 ลิตร

    GWM

    ภายในเปลี่ยนเล็กน้อย

    • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงเดิมปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย
    • ย้ายตำแหน่งเกียร์ไปยังคอพวงมาลัยหรือที่เรียกกันว่าเกียร์คอ
    • ออกแบบปุ่มการทำงานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ล็อกเฟืองท้าย ควบคุมความเร็วขณะออกตัวและลงทางลาดชัน เป็นปุ่มบิดขึ้น-ลงกับปุ่มกดใช้งานง่ายขึ้น
    • หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay Android Auto MP5 Bluetooth ระบบนำทาง และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ มาพร้อมกับระบบ ปฏิบัติการ Coffee OS 3.0
    • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว
    • ตู้เย็นในกล่องคอนโซลกลางขนาด 5.4 ลิตร ควบคุมอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6°C ถึง 50°C

    GWM

    • จอเพดานขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด 3K ที่รองรับ 6 โหมดการควบคุม ได้แก่ เสียง ท่าทาง การสัมผัส และการควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรลผ่านโทรศัพท์มือถือ
    • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
    • ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
    • ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสีและเป็นจังหวะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน
    • นาฬิกาแบบคลาสสิกเพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ
    • ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
    • ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 2 ช่องกำลัง 50W ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว

    GWM

    เบาะนั่งทั้ง 5-7 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบเบาะนวดและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศอีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

    เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ โดยความจุห้องเก็บสัมภาระท้ายรถอยู่ที่ 1,489 ลิตร กรณีพับเบาะตอนที่ 2 กับ 3

    GWM

    ขุมพลังมีหลากหลาย

    ปรับโฉมครั้งนี้เฉพาะขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด Hi4 2 แบบ ใช้พื้นฐานเบนซินเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NB ตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์

    รุ่นปลั๊กอินไฮบริด Hi4-T จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว P2 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 36.7 กับ 37.1 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 110 กิโลเมตร (WLTC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 860 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที สูงสุด 20 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 6.5 ชั่วโมง คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter

    GWM

    และรุ่นปลั๊กอินไฮบริด Hi4-Z จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เริ่มที่ล้อหน้ากำลังสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร และล้อหลัง 326 แรงม้า แรงบิด 415 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 59.05 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 864 แรงม้า แรงบิด 1,195 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 201 กิโลเมตร (์WLTC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 1,096 กิโลเมตร (WLTC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.6 วินาที สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% สูงสุด 163 kW ภายใน 15 นาที สูงสุด 20 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 7.5 ชั่วโมง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด DHT

    ทั้งรุ่น Hi4-T และ Hi4-Z รองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW สามารถตอบสนองการทำงานพร้อมกันของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาอบไฟฟ้า โปรเจคเตอร์ ฯลฯ และสามารถปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่องที่โหลดเต็มนานกว่า 7 ชั่วโมง (พลังงานจากปลั๊กที่ติดมากับรถ 3.3 kW)

    และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ สามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) โดยมีการปรับอัตราทดเกียร์ 4L เพิ่มขึ้นเป็น 2.64 จากเดิม 2.48 สามารถลุยทางลาดชันได้ทันใจขึ้น เส้นทางออฟโรดให้ความมั่นใจปีนป่ายเกาะถนนดีด้วยปีนป่ายแบบชิวๆเพราะคันนี้มีมุมเงย หรือ approach angle 29 องศา และมุมจากหรือ departure angle 24 องศา

    ด้านระบบความปลอดภัยติดตั้ง LiDAR บนหลังคาคาดว่ามาจากซัพพลายเออร์ Hesai Technology คาดเป็นรุ่น ATX เพื่อรองรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Level 2 ช่วยตรวจจับแสงและวัดระยะวัตถุที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาด้านหน้าของตัวรถ สามารถตรวจจับคนเดินเท้าที่ในระยะไกล

    GWM

    GWM TANK 500 Hi4 ไมเนอร์เชนจ์ มาพร้อมสีใหม่สีเขียว Dunhuang Green จากเดิมมีสีทอง Kunlun Gold, สีบรอนซ์เงิน Pamir Silver และสีขาว Mount Everest White เปิดราคา Pre-Sales ที่จีน ก่อนเปิดราคาจริงเร็วๆนี้ เริ่มต้น 360,000-388,800 YUAN หรือราว 1,625,000-1,755,000 บาท

    ที่มา CarNewsChina

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts