พึ่งจะเปิดตัว Mazda CX-5 MY2021 ปรับรุ่นย่อย ปรับออพชั่น พร้อมขายในราคาใหม่ได้ไม่นาน มาสด้า เขย่าตลาดรถเอสยูวีอีกครั้ง ส่ง Mazda CX-8 MY2021 กันอีกครั้ง ตอกย้ำภาพลักษณ์ตระกูล CX-Series ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทย
การปรับปรุงครั้งนี้ ยังคงหน้าตาเดิมไม่เปลี่ยนแปลงตามสไตล์ Kodo Design ตั้งแต่ กระจังหน้าทรง Signature Wing พร้อมกรอบกระจังหน้าโครเมี่ยมติดตราโลโก้ มาสด้า ไฟหน้า Projector แบบ LED ทรงเรียวแบน *ใหม่!! Daytime Running Light แบบ LED Signature (*ในรุ่น 2.5 S ส่วนรุ่นอื่นเป็นออพนชั่นมาตรฐาน) รับกับกันชนหน้าแฝงความสปอร์ต พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า LED ด้านท้ายตกแต่งคิ้วขอบ *ไฟท้าย LED Signature (*ในรุ่น 2.5 S ส่วนรุ่นอื่นเป็นออพนชั่นมาตรฐาน) และล้ออัลลอยดีไซน์เอกลักษณ์ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19 รวมถึง *ใหม่!!ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า (*ในรุ่น 2.5 S ส่วนรุ่นอื่นเป็นออพนชั่นมาตรฐาน)
ภายในมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยด้วย ใหม่!! หน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว ให้เป็นออพชั่นมาตรฐานทุกรุ่นเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple Car Play Android Auto โดยแสดงข้อมูลผ่าน Center Display ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่งโดยภายในเลือกใช้สีโทนเข้ม Real Wood ผสมผสานกับสีเงินซาตินโครม มาพร้อมเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยเส้นด้ายสีน้ำตาลเข้ม เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มาพร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า และระบบบันทึกตำแหน่งของเบาะ 2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri Zone พร้อมแผงควบคุมบริเวณเบาะนั่งแถวที่สอง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน
ภายในตอบโจทย์การใช้งานสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี เลือกได้ทั้งแบบรุ่น 6 ที่นั่ง มาพร้อมเบาะที่นั่งแถวสองแบบ Exclusive Captain Seat 2 ที่นั่ง แยกซ้าย-ขวา อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกกับคอนโซลกลางที่เป็นทั้งกล่องเก็บของ ที่วางแก้วน้ำ ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง และม่านบังแดดที่ประตูคู่หลัง และ*หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) เพื่อตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (*เฉพาะรุ่น 2.5 SP Exclusive และ 2.2 XDL Exclusive AWD)
ส่วนรุ่น 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับเบาะที่นั่งแถวสองแบบ 3 ที่นั่ง สามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 พร้อมพนักวางแขน ที่วางแก้วน้ำ และช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ 2 ช่อง อีกทั้งเบาะที่นั่งแถวสามของทั้ง 2 แบบ รองรับผู้โดยสารที่มีความสูงได้ถึง 170 ซม. สามารถปรับพับแยกได้อย่างแบนราบแบบ 50:50 เพื่อมอบพื้นที่ในการวางสัมภาระ
ขุมพลังคงเดิมเริ่มจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร รหัส SH-VPTS 190 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาทีพร้อมระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็วมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD และขุมพลังเบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร รหัส PY-RPS สูงสุด 194 แรงม้าที่ ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 258 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองดียิ่งขึ้น มีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ทั้ง 2 ขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด
ทุกรุ่นยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control หรือ GVC และอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense รอบคันโดยเป็นออพชั่นมาตรฐานได้แก่
– ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน (ถูกตัดออกในรุ่น 2.5 S รุ่นอื่นๆเหมือนเดิม)
– RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (ถูกตัดออกในรุ่น 2.5 S รุ่นอื่นๆเหมือนเดิม)
– ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทํางานของไฟ สูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย – ขวา โดยอัตโนมัติ (เฉพาะรุุ่น XDL Exclusive)
– LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (เฉพาะรุุ่น XDL Exclusive)
– DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ โดยเฉพาะขณะขับรถทางไกล (เฉพาะรุุ่น XDL Exclusive)
– LAS (Lane-keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (เฉพาะรุ่น XDL Exclusive)
– MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ระบบจะทำการปรับลดความเร็วลงตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ (ยกเว้นรุ่น 2.5 S)
– SBS (Smart Brake Support) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (ยกเว้นรุ่น 2.5 S)
– SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (ยกเว้นรุ่น 2.5 S)
– Advanced SCBS (Advanced Smart Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advanced (ยกเว้นรุ่น 2.5 S)
– AFS (Adaptive front-lighting system) ระบบปรับมุมลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติตามการเลี้ยวของรถ (เพิ่มในรุ่น 2.5 S รุ่นอื่นๆเหมือนเดิม ยกเว้น 2.2 XDL Exclusive)
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องแบบ Top View (ยกเว้นรุ่น 2.5 S) ระบบ DSC (Dynamic Stability Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว กระจกมองหลังระบบตัดแสงอัตโนมัติ ระบ HLA (Hill Launch Assist) ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง ระบบ ESS (Emergency Signal System) สัญญาณไฟกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน ระบบ ABS 4 ล้อ พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรก และ ถุงลมนิรภัยรอบคันรวม 6 จุด
Mazda CX-8 MY 2021 มีให้เลือก 6 สี ดังนี้ สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue) และ สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver) โดยมีราคาจำหน่าย ดังนี้
– รุ่น 2.5 S SKYACTIV-G 7 ที่นั่ง ราคา 1,499,000 บาท (ลดลงจากเดิม 100,000 บาท)
– รุ่น 2.5 SP SKYACTIV-G 7 ที่นั่ง ราคา 1,599,000 บาท (ลดลงจากเดิม 100,000 บาท)
– รุ่น 2.5 SP EXCLUSIVE SKYACTIV-G 6 ที่นั่ง ราคา 1,639,000 บาท (รุ่นใหม่)
– รุ่น 2.2 XDL SKYACTIV-D 7 ที่นั่ง ราคา 1,799,000 บาท (ลดลงจากเดิม 100,000 บาท)
– รุ่น 2.2 XDL EXCLUSIVE SKYACTIV-D AWD 6 ที่นั่ง ราคา 2,069,000 บาท