การจะซื้อรถสักคันในปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าเป็นภาระที่หนักหนาทีเดียว กว่าที่คุณจะได้เป็นเจ้าของรถ คุณต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินที่เพียงพอสำหรับการถอยรถไว้ใช้งานสักคัน ดังนั้นคุณย่อมต้องการที่จะให้รถที่คุณซื้อมานั้นอยู่กับคุณไปนานๆ เราจึงได้รวบรวมเช็คลิสต์สำหรับการตรวจสอบบำรุงรักษารถในเบื้องต้น เพื่อให้รถที่คุณรักไม่เสื่อมสภาพลงไปเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
การตรวจเช็คระยะสั้น โดยการตรวจสอบสิ่งต่างๆ ดังนี้
- ระดับของเหลวและน้ำหล่อเย็น
ในทุกๆ เดือนโดยเฉพาะก่อนการเดินทางไกล จะเป็นการดีมากหากคุณตรวจสอบระดับของเหลวต่างๆ ในขณะที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ ระดับของเหลวควรจะอยู่ในตำแหน่งที่มีไกด์ไลน์กำหนด ในขณะที่น้ำหล่อเย็น เมื่อคุณเปิดฝาหม้อน้ำออกมา คุณจะต้องเห็นน้ำหล่อเย็นทันทีหรือมีน้ำหยดลงมาจากฝา นั่นแปลว่าน้ำหล่อเย็นของคุณยังคงอยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ใช้รถเยอะ คุณสามารถเพิ่มความถี่ของการตรวจเช็คเป็นสัปดาห์ละครั้งได้เช่นกัน
- กรองอากาศ
กรองอากาศนั้นทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองไม่ให้ปะปนกับอากาศเข้าไปในเครื่องยนต์ นั่นหมายความว่าหากมันสกปรกอุดตัน มันก็สามารถที่จะลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ในรถของคุณได้ คุณสามารถถอดมันออกมาเป่าทำความสะอาดได้ และควรจะเปลี่ยนมันเป็นของใหม่ตามอายุที่คู่มือแนะนำ
- ลมยางและความลึกของดอกยาง
ยางนั้นเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของรถและมีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยในการขับขี่ คุณควรจะเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง และทุกครั้งก่อนการเดินทางไกลหรือบรรทุกของหนัก นอกจากนั้นคุณควรเช็คสภาพยางของคุณว่ามีรอยบาด บวม หรือแตกลายงาหรือไม่ เพราะมันจะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณควรที่จะเปลี่ยนเป็นยางเซตใหม่ได้แล้ว
- ไฟหน้า, ไฟเลี้ยว และ ไฟเบรก
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับการใช้รถบนท้องถนน ไฟหน้า, ไฟเลี้ยว และ ไฟเบรก ที่ทำงานปกติจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณเกิดอุบัติเหตุที่ไม่จำเป็น คุณควรจะตรวจสอบไฟเหล่านี้เดือนละครั้ง โดยไฟหน้าและไฟเลี้ยวนั้นคุณสามารถที่จะจอดรถหน้ากำแพงแล้วเปิดไฟตรวจสอบดูได้ ส่วนไฟเบรกนั้นคุณอาจต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นในการช่วยคุณตรวจเช็ค
- น้ำมันเครื่องและกรองน้ำมัน
น้ำมันเครื่องนั้นเปรียบเสมือนเกราะป้องกันชั้นหนึ่งที่ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ในรถของคุณ มันช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่และป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ ดังนั้นมันสำคัญมากที่คุณจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ตรงเวลาและสเป็คเป็นไปตามการใช้งานของเครื่องยนต์ โดยปกติแล้วคู่มือการใช้รถจะแนะนำให้คุณเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันทุกๆ 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร
- การสลับยาง
ในการใช้งานรถในชีวิตประจำวันนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ดอกยางของยางแต่ละเส้นนั้นสึกหรอไม่เท่ากัน คุณจึงควรสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ดอกยางของยางแต่ละเส้นถูกใช้งานไปอย่างสม่ำเสมอกัน และคุณจะได้เปลี่ยนยางเป็นเซตทีเดียวเมื่อครบกำหนดอายุของยาง
- ลงแว็กซ์เคลือบเงา
การลงแว็กซ์เคลือบเงารถของคุณทุกๆ 6 เดือนหลังจากล้างรถไม่เพียงแต่จะช่วยให้รถของคุณดูเงางาม มันยังช่วยปกป้องสีรถของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดี อีกทั้งยังป้องกันการเกิดสนิมอีกด้วย
การตรวจเช็คระยะยาว โดยการตรวจสอบสิ่งต่างๆ ดังนี้
- น้ำมันเกียร์
เช่นเดียวกับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ช่วยหล่อลื่นบรรดาชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวต่างๆ ในห้องเกียร์ ไม่ว่าคุณจะขับรถเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์กระปุกต่างต้องการการดูแลและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามอายุการใช้งานที่ถูกระบุมา
- กระปุกเกียร์แบ่งกำลัง
ในเคสของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือขับเคลื่อนทุกล้อ มันจะมีกระปุกเกียร์แบ่งกำลังที่ทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับจาก 2 ล้อ ไปเป็น 4 ล้อ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันในกระปุกตามระยะเวลาที่ถูกระบุในคู่มือ
- โช้คอัพและสตรัท
โช้คอัพและสตรัทเป็นชิ้นส่วนที่ช่วยรับแรงกระแทกจากพื้นถนน ชิ้นส่วนเหล่านี้ควรจะถูกตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทุกๆ 80,000 กิโลเมตร แต่คุณอาจจะสามารถนำรถไปตรวจสอบก่อนได้หากคุณพบความผิดปกติ เช่น ความเด้งดีดที่เพิ่มขึ้น หรือรถเริ่มเสียอาการในขณะเข้าโค้ง
- เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็น
น้ำหล่อเย็นนั้นเป็นตัวช่วยพาความร้อนให้เครื่องยนต์ของคุณมีช่วงอุณหภูมิทำงานที่เหมาะสม การเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นจะช่วยชำระล้างตะกอนที่ติดอยู่ภายในหม้อน้ำออกมา คุณสามารถเช็คระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นได้ตามที่คู่มือการใช้รถของคุณระบุ
- หัวเทียน
หัวเทียนนั้นเป็นตัวจุดระเบิดให้กับเครื่องยนต์ หากหัวเทียนมีปัญหาก็จะส่งผลให้เครื่องยนต์ในรถของคุณทำงานผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้เรามีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องยนต์ได้ และคุณสามารถป้องกันการเสียของหัวเทียนโดยการเปลี่ยนมันตามอายุการใช้งานที่ถูกระบุมาในคู่มือ
- สายพาน
สายพานเป็นอีกชิ้นส่วนที่เกิดการชำรุดสึกหรอได้ง่าย คุณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากการดูรอยแตกลายงา หรือสามารถฟังเสียงวี้ดผิดปกติซึ่งนั่นจะเป็นสัญญาณเตือนบอกคุณว่าถึงเวลาเปลี่ยนสายพานเป็นเส้นใหม่ได้แล้ว
- น้ำมันเฟืองหน้าและเฟืองท้าย
เช่นเดียวกับน้ำมันเครื่องและน้ำเกียร์ น้ำมันเฟืองหน้าและเฟืองท้ายช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนที่ ดังนั้นมันควรจะถูกเปลี่ยนถ่ายเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือ
การตรวจเช็คประจำฤดูกาล โดยการตรวจสอบสิ่งต่างๆ ดังนี้
- ยางปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในหน้าฝน ยางปัดน้ำฝนที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพจะทำให้การปัดน้ำออกจากกระจกหน้าทำได้ไม่ดี เมื่อมันเริ่มปัดแล้วมีลายน้ำเป็นเส้นหรือเกิดเสียงดังน่ารำคาญ นั่นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณควรที่จะเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนได้แล้ว
- แบตเตอรี
แบตเตอรีเป็นชิ้นส่วนที่ไม่ต้องการการดูแลมากนัก แต่มันสามารถก่อปัญหาที่ทำให้เจ้าของรถปวดหัวได้อย่างมาก สภาพการใช้งานรวมถึงสภาพอากาศล้วนแต่มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรีทั้งสิ้น ดังนั้นหากคุณสังเกตได้ว่ารถของคุณเริ่มมีเสียงสตาร์ทที่อ่อนกำลังลง นั่นเป็นหนึ่งในสัญญาณที่กำลังเตือนคุณว่า ไฟในแบตเตอรีของคุณเริ่มร่อยหรอและต้องการการเปลี่ยนเป็นแบตเตอรีลูกใหม่ ซึ่งแบตเตอรีโดยปกติแล้วจะมีอายุประมาณ 1-2 ปี หรืออาจจะถึง 5 ปีก็เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
อ้างอิง : bridgestone.co.in , news10.com , bnbautorepair.com , goauto.ca