ฮอนด้า เตรียมประกอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า EV ในไทย พร้อมเข้าโครงการรัฐบาลและเซ็น MOU กับกรมสรรพสามิต โดยนำเข้าชิ้นส่วนแบบ Knock Down เข้ามาประกอบให้กับโมเดล Honda BENLY e ปลายปีนี้ ล็อตแรก 300 คัน ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท
หลังจากริเริ่มโครงการศึกษารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเชิง Ecosystem ร่วมกับพันธมิตรทั้งสถาบันการศึกษา และทดลองใช้งานร่วมกับทาง ดีเคเอสเอช ประเทศไทย เพื่อนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้ามาลองใช้ขนส่งสินค้า 2 รุ่น คือ PCX Electric และ BENLY e รวมถึงการร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจเดลิเวอรีในการใช้เพื่อขนส่งสินค้าในช่วงที่ผ่านมา
นายชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เรายังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันฮอนด้ายังคงมุ่งเน้นการทำธุรกิจแบบ B2B และ B2C For B ออกมาในรูปแบบของโครงการปล่อยเช่ารถให้กับกลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี ตอนนี้มีรถอยู่ประมาณ 116 คัน ที่กระจายให้บริการอยู่ตามจุดต่าง ๆ
ล่าสุด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เตรียมประกอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Honda BENLY e ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ และอยู่ในระหว่างขั้นตอนดำเนินการเพื่อเซ็นบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกรมสรรพสามิต เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากโครงการสนับสนุน EV ในวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ รับเงินอุดหนุน 18,000 บาท/คัน ภายใต้เงื่อนไขตัวรถ เช่น ความจุแบตเตอรี่ต้องเกิน 3 กิโลวัตต์ชั่วโมง และราคาขายไม่เกิน 1.5 แสนบาท
โดย ไทยฮอนด้า วางแผนนำเข้าชิ้นส่วนแบบ Knock Down มาประกอบ Honda BENLY e ในไทยล็อตแรกเป็นจำนวน 300 คัน และในปี พ.ศ. 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคัน พร้อมตั้งราคาขายใกล้เคียงกับเพดานที่รัฐบาลกำหนดคือ 1.5 แสนบาท แต่รูปแบบการขายในช่วงแรกจะยังเป็นแบบ B2B หรือยังไม่ได้ทำตลาดให้แก่ลูกค้าทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าคือ การช่วยลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนที่จะนำมาประกอบ EV ที่ปัจจุบันยังคงมีอัตราที่สูงมาก เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานอย่าง สถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า ที่เน้นส่งเสริมให้แก่รถยนต์ไฟฟ้า แต่ในส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายังคงไม่มีความชัดเจน
ทั้งนี้ มีบริษัทรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เซ็น MOU กับกรมสรรพสามิต เพื่อผลิต EV ในไทยแล้ว คือ บริษัท เดโก กรีน เอนเนอร์จี จำกัด โดยขอรับสิทธิ์จำนวน 8 รุ่น ราคาขาย 50,000 – 100,000 บาท วางกำลังการผลิตในปี พ.ศ. 2565 ไว้ 32,000 คัน และเพิ่มเป็น 56,000 คันในปี พ.ศ. 2568 และปัจจุบัน เดโก มียอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศไทย
ด้านคู่แข่งจากญี่ปุ่น ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ นำเข้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Yamaha E01 จำนวน 40 คัน มาวิ่งทดสอบในไทย โดยใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนความจุ 4.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ระยะทาง 130 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WMTC คลาส 1 ของยุโรป ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 11 แรงม้า และแรงบิด 30.2 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 104 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมส่งให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ทดสอบเพื่อเก็บข้อมูล แต่ยังไม่มีแผนการทำตลาดในประเทศไทย
อ้างอิง : thansettakij.com , grandprix.co.th