หลังจากที่ BYD มีการขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง และทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในกัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าเป็นโครงการสำคัญในการขยายฐานการผลิตในภูมิภาค แต่สถานการณ์ปิดด่าน ไทย–กัมพูชา รวมถึงความตึงเครียดตามแนวชายแดนที่กลับมารุนแรงและมีแนวโน้มยืดเยื้อ ทำให้เกิดคำถามว่าอนาคตของโรงงาน BYD ในกัมพูชาจะเดินหน้าไปในทิศทางไหนกันแน่?
การรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BYD
โรงงานประกอบรถยนต์ BYD บริษัทเทคโนโลยีและผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศจีน ที่จัดตั้งในประเทศกำพูชา ถูกสร้างขึ้นเพราะต้องการการขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย BYD ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบบ CKD (Completely Knocked Down) สำหรับประกอบรถ BEV และ PHEV ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ (Sihanoukville Special Economic Zone) ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 พันล้านบาท
โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่รวม 120,000 ตารางเมตร และมีกำลังการผลิตปีละ 10,000 คัน โดยถูกคาดหมายว่าอาจเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายปี 2025 หรืออย่างช้าต้นปี 2026
เดิมที BYD ใช้เส้นทางขนส่งผ่านชายแดนไทย ซึ่งมีความสะดวกและช่วยประหยัดต้นทุน แต่เมื่อเกิดการปิดด่านเส้นทางหลัก บริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้การขนส่งแบบเรือที่มีการเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นทอด ๆ ส่งผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้น จากเส้นทางที่เคยง่าย กลายเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าเดิมจนทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ ความคุ้มค่าในการเดินหน้าการลงทุน ของ BYD
การปะทะครั้งใหม่ เพิ่มความเสี่ยงหลายระดับ
สถานการณ์ปะทะชายแดนรอบล่าสุด ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า อาจรุนแรงและยืดเยื้อกว่าเดิม ทำให้ความเสี่ยงด้านการลงทุนในกัมพูชาเพิ่มขึ้น แม้โรงงานของ BYD ในสีหนุวิลล์จะอยู่ไกลจากพื้นที่ปะทะ แต่ความไม่แน่นอนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็อาจกลายเป็นปัจจัยที่ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องคำนึงถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งนอกจากโรงงานประกอบรถยนต์แล้ว BYD ในกัมพูชา ยังมีการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในตลาดอีกด้วย
- เปิดโชว์รูม 7 แห่ง +และศูนย์บริการ 1 แห่ง ในพนมเปญ
- มีแผนขยายโชว์รูมเป็น 13 แห่ง
- ขยายศูนย์บริการเพิ่มอีก 6 แห่ง
โดยประเทศกัมพูชาถูกมองว่าเป็นตลาดที่มีบทบาทสำคัญในแผนการเติบโตของ BYD ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจกัมพูชาที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งอาจทำให้ความไม่แน่นอนที่มากขึ้น
คาดการณ์สามทางของผู้บริหาร BYD
จากสถานการณ์นี้เพจเฟซบุ๊ค EV Plaza มองว่า BYD อาจต้องชั่งน้ำหนัก 3 ทางเลือกสำคัญ…โดยสรุปได้ว่า (เป็นการคาดการณ์ไม่ใช่…)
เพจเฟซบุ๊ก EV Plaza มองว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น BYD อาจต้องพิจารณา 3 ทางเลือกหลักที่สำคัญ (เป็นเพียงการคาดการณ์ ไม่ได้มาจากข้อมูลภายในบริษัท)
ทางเลือกที่ 1 : ย้ายฐานการผลิต
อาจถอนตัวจากกัมพูชาไปยังประเทศที่เสถียรกว่า เช่น
- กลับมาขยายในไทย ที่มีฐานตลาดเดิมแข็งแรงอยู่แล้ว
- ย้ายไปเวียดนาม ซึ่งแม้ต้นทุนบางอย่างสูงกว่า แต่โครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยดีกว่าในเวลานี้
ทางเลือกที่ 2 : ชะลอแผนผลิตออกไปก่อน
เลื่อนกำหนดเปิดสายการผลิตจากปลายปี 2025 ถึง ต้นปี 2026 ออกไปจนกว่าสถานการณ์จะสงบลงกว่าเดิม แต่อาจ สูญเสียโอกาส (Opportunity Cost) และทำให้แผนขยายตลาด EV ในกัมพูชาจะชะงักลง
ทางเลือกที่ 3 : เดินหน้าต่อตามแผน
ลุยตามกำหนดการเดิม แม้จะมีความเสี่ยงจากทั้งสถานการณ์ชายแดน และปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มเปราะบาง เป็นทางเลือกที่ต้องใช้ความมั่นใจสูง และมาพร้อมความไม่แน่นอนที่มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังเป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยและคาดการณ์เท่านั้น อนาคตของโรงงานประกอบรถยนต์นั่ง BYD ในกัมพูชา จะเดินหน้าไปในทิศทางใด ยังต้องรอดูการตัดสินใจของบริษัทต่อไป
ข้อมูลจาก: EV Plaza
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่: car2day.com










