หลังจากเปิดตัวที่จีนเมื่อ 2 ปีก่อนครั้งนี้ BYD SONG L ขยายทางเลือกใหม่ด้วยการเพิ่มทางเลือกใหม่นั่นคือ BYD SONG L GT จากตระกูล Dynasty
เอสยูวีรุ่นเด่นต่อยอดมาจาก BYD SONG L ปรับปรุงใหม่หน้าเดิมหล่อเดิมเพิ่มเติมด้วยดีไซน์ต่างจากต้นฉบับ
สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับภายนอกนั่นคือชุดกันชนหน้าสปอร์ตมากขึ้น ช่องระบายอากาศสีดำทรงสีเหลี่ยมขนาดใหญ่รับกับคิ่วซ้าย-ขวาสีดำ พร้อมช่องระบายอากาศข้างๆชุดกันชนหน้า พร้อมขอบตกแต่งสีดำระหว่างไฟหน้าในชุดกระจังหน้า ล้ออัลลอยลายใหม่ทั้งขนาด 19 และ 20 นิ้ว พร้อม LiDAR บนหลังคา คาดว่าจะมีเป็นมาตรฐานทั้งรุ่น ด้านท้ายเพิ่มโลโก้ “GT” บริเวณมุมล่างขวา อีกทั้งยังสปอยเลอร์หลังแบบปรับไฟฟ้า สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 0.88 kWh ต่อระยะทางได้ถึง 100 กิโลเมตร และ คาลิเปอร์เบรกสีแดง
นอกนั้นคงเดิมทั้งไฟหน้า LED 3 ดวง กับตรา Song ภาษาจีน ที่เด่นสง่า ด้านข้างดุดันด้วยช่องระบายอากาศสีดำซ้าย-ขวากระจกมองข้างมาแบบทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเรียบเนียนกลมกลืนกับตัวถังรถ กระจกรถไร้กรอบแบบ Hardtop เป็นสไตล์โอเปร่าพร้อมเสา A ตกแต่งสีดำ
ด้านท้ายสวยงามด้วยไฟท้าย LED แนวยาว ฝากระโปรงท้ายติดตั้งสปอยเลอร์แบบกางปีกออกได้ด้วยระบบไฟฟ้าและใต้ชุดไฟท้ายมาครั้งนี้ใช้โลโก้ตัวอักษร BYD แทนคำว่า Build Your Dreams สวยด้วยกันชนหลังออกแบบใหม่พร้อมลิ้นสปอยเลอร์สีดำใต้กันชนหลัง โดยมารูปแบบการดีไซน์แบบ Pioneering Longyan Aesthetics โดยยังใช้แพลตฟอร์ม e-platform 3.0
ภายในคาดยกมาจาก SONG L ชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายซ่อนความทันสมัยล้ำหน้าในตัวติดตั้งชุดมาตรวัดความเร็วแบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้วตรงกลางเป็นจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่สามารถเป็นทั้งแนวตั้งและนอนสามารถหมุนจอได้ ขนาด 15.6 นิ้ว ถัดลงมาจะเป็นปุ่มใต้จอสามปุ่มช่องแอร์แล็กสี่ช่องแนวตั้ง หัวเกียร์คริสตัล ที่วางแก้วแม้กระทั่งที่ชาร์จมือถือแบบไร้สายในชุดคอนโซลลกางพร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่สองชั้นคั่นกลางด้วยวัสดุหนังสัมผัสใต้ล่างจะเป็นช่องเสียบ USB C
โทนสีการตกแต่งภายในจะออกแนวสีเทาเข้ม/สีเบจพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดและเบานั่งทรงสปอร์ตโอบกระชับและเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และจอแสดงข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า Head Up Display แบบ AR ขนาดใหญ่ 50 นิ้ว
พลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB แบบเดียวกันที่ใช้ใน BYD ATTO3, BYD SEAL และ BYD Dolphin
มีด้วยกันสามรุ่นย่อยตั้งแต่รุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง RWD รุ่น TZ200XYS ให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ขยับมาที่รุ่น Extended Range ยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังรุ่น TZ200XYT ให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า และรุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมความจุแบตเตอรี่ 87.04 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 531 แรงม้า จากมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 218 แรงม้า และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงม้า โดยยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องขนาดความจุแบตเตอรี่
ชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC กับ กระแสสลับ AC และรองรับ V2L เชื่อมต่อการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบอีกจุดเด่นที่จะเรียกเสียงฮือฮาได้นั่นก็คือช่วงล่างถุงลมแบบ DiSus-A เพื่อการเดินทางสะดวกสบายมีระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง DiPilot 100 Eye of God C อาศัยการทำงานร่วมกับเรดาห์อัลตราโซนิก 12 ตัว เรดาห์คลื่น 5 ตัว และกล้อง 11 ตัว
พร้อมฟังก์ชันการขับเคลื่อนที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทางความเร็วสูง ช่วยจอดรถอัตโนมัติ ช่วยจอดรถระยะไกลและระยะใกล้ด้วยมือถือ การเปลี่ยนเลน เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และฟังก์ชันอื่นๆ อีกมากมาย เบื่องต้นเตรียมเปิดตัวที่จีนเร็วๆนี้
ที่มา CarNewsChina
