ในยุคที่น้ำมันแพงนี้ หลายคนไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่ายหากต้องมีรถยนต์คันแรกสำหรับผู้หญิงสักคัน อยากได้รถที่ขับง่าย สมรรถนะดี ราคาไม่แรง และที่สำคัญประหยัดน้ำมันด้วย ซึ่งวันนี้เรามีตัวเลือกมาให้คุณผู้หญิงที่กำลังมองหารถที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ มาแนะนำให้ถึง 9 รุ่น ลองมาดูกันว่ามีรุ่นไหนบ้าง
รถยนต์แบบไหนเหมาะสำหรับผู้หญิง ไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตหรือทำกิจกรรมของผู้หญิงแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ซึ่งในยุคนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็หันมาดูแลตัวเอง พึ่งพาตัวเองมากขึ้น อย่างเรื่องการขับรถเองนั้น ก็เป็นส่วนนึง ซึ่งรถยนต์สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่เล็กกระทัดรัด ใช้งานง่าย มีพื้นที่ใช้สอยเก็บของจุกจิกตามประสา อย่างซิตี้คาร์ หรืออยากจะได้พื้นที่มากกว่านั้น มีรถยนต์คันใหญ่ขึ้นอยู่ที่จุดประสงค์การใช้งานของแต่ละคน
วิธีเลือกซื้อรถสำหรับผู้หญิง การเลือกซื้อรถยนต์สำหรับผู้หญิง นอกจากปัจจัยทางด้านการเงินแล้ว เรื่องอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ คือ
- จุดประสงค์การใช้งาน จุดประสงค์ของการใช้งานจึงมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจอย่างมาก เพราะหากแค่ต้องการซื้อรถเพื่อขับไปทำงาน ไม่มีครอบครัว หรือมีสมาชิกในครอบครัวไม่เยอะ รถยนต์ขนาดเล็กหรือรถขนาดกลางก็ตอบโจทย์เพียงพอ
- พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร หากสาว ๆ ที่มีสัมภาระต้องพกพาติดตัวไปเยอะ เหมือนรถของคุณเป็นห้องแต่งตัวเคลื่อนที่ ชอบเก็บกระเป๋า รองเท้า ของกิน ของใช้เอาไว้ในรถ การเลือกขนาดรถยนต์จึงต้องดูว่ามีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสะดวก เพียงพอหรือไม่ เพราะบางครั้งรถยนต์ขนาดซิตี้คาร์อาจมีขนาดเล็กเกินไป ก็อาจจะต้องขยับมาใช้รุ่นที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้นได้
- ฟังก์ชันและระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน รถยนต์ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา บางรุ่นถือว่ามีราคาถูกมาก แต่ก็ต้องแลกกับการถูกตัดฟังก์ชันหรือเทคโนโลยีบางอย่างออก ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ คุณต้องศึกษารายละเอียดฟังก์ชันที่ตอบโจทย์เฉพาะ โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ที่ต้องมี และจำเป็นสำหรับการใช้งานประจำวัน
- ทดลองขับ เมื่อตัดสินใจเลือกได้ตรงโจทย์การใช้งานแล้ว ควรที่จะทดลองขับเพื่อดูมุมมองในการใช้งานทั้งด้านความรู้สึก ความปลอดภัย ความคล่องตัวและเหมาะสมกับตัวคุณ การถอย การเดินหน้าต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อเป็นส่วนประกอบในการมั่นใจและตัดสินใจมากขึ้น
9 รถยนต์ที่เหมาะสำหรับผู้หญิง ขับง่าย ประหยัดน้ำมัน
1. Toyota Yaris
ซิตี้คาร์ ตัวถัง 5 ประตู แฮตช์แบ็ก รุ่นปรับปรุงล่าสุด โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำลายตาข่าย (Mesh) ดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้า LED โคมมัลติรีเฟลกเตอร์ มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบ follow-me-home ไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟ daytime running แบบ LED Light Guiding ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะหนังและหนังสังเคราะห์ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก มาตรวัดเรืองแสง Optitron หน้าจอสัมผัสที่คอนโซลกลางขนาด 6.7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay
ด้านเครื่องยนต์จะเป็นแบบเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-iE ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock และฟังก์ชัน S Mode เสริมด้วยระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System และ ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Alert
ราคาจำหน่าย 549,000 – 679,000 บาท
ซิตี้คาร์ตัวถัง 4 ประตู ซีดาน มาพร้อมกระจังหน้าสีดำแบบ Horizontal Line ไฟหน้า LED โคมมัลติรีเฟลกเตอร์ ไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟ daytime running แบบ LED Light Guiding มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบ follow-me-home ภายในห้องโดยสารใช้เบาะหนังและหนังสังเคราะห์ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือก จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัสที่คอนโซลกลางขนาด 6.7 นิ้วรองรับ Apple CarPlay
ด้านเครื่องยนต์ใช้แบบเดียวกับ Toyata Yaris คือเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-iE ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System และ ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Alert
ราคาจำหน่าย 539,000 – 674,000 บาท
เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่มีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ไฟหน้า-ไฟท้ายเป็น LED พร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางวัน กระจกมองข้างสีดำ กระจังหน้ากับสปอยเลอร์หลังเป็น Gloss Black และล้ออัลลอยสไตล์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งคุมโทนด้วยสีดำด้วยวัสดุ Gloss Black คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนทั้งระบบ IOS และ Android พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน
เครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน แบบ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ VTEC ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยอัตโนมัติแบบ CVT พร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย เช่น ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง, Hill Start Assist (HSA), ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน และ Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน
ราคาจำหน่ายแต่ละรุ่น 579,000 – 739,000 บาท
4. Mazda 2
รถยนต์ซิตี้คาร์อีกหนึ่งรุ่นที่แม้จะยังไม่เปลี่ยนโฉมใหม่ แต่ New Mazda 2 ยังคงมีการอัปเดตต่อเนื่อง โดยตัวรถมาพร้อมการปรับเปลี่ยนในส่วนของกันชนหน้าและหลัง กระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้ายล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารเน้นการตกแต่งวัสดุคุณภาพสูง เบาะนั่งดีไซน์ใหม่
ในส่วนของเครื่องยนต์ Mazda 2 มีให้เลือก 2 แบบ คือ ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE มีระบบส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุรอบคัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังหรือ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และ ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า
ราคาจำหน่าย 546,000 – 799,000 บาท
5. Suzuki Swift
ปรับดีไซน์ใหม่เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าลายตาข่ายสีดำคาดคิ้วโครเมียม ไฟหน้าแบบ LED โคมโปรเจกเตอร์ และไฟท้าย LED ล้ออัลลอยปัดเงาขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารนั้นเน้นโทนสีดำตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เบาะปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะหลังสามารถพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น มาตรวัดตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดง พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอหน้าสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth
ด้านเครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร DOHC ระบบหัวฉีดคู่ DUALJET ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ IDLING STOP ที่ลดมลพิษและลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยติดตั้งระบบ ESP ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และระบบ
ราคาจำหน่าย 557,000 – 629,000 บาท
6. Suzuki celerio
รถซิตี้คาร์ขนาดเล็กที่สุดในตลาดเมืองไทยที่ให้ความคล่องตัวทุกการเดินทาง ดีไซน์ตัวรถด้านหน้าตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียม ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบฮาโลเจน กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 68 แรงม้า มีเกียร์ให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและอัตโนมัติ มีอัตราการสิ้นเเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กม./ลิตร
ราคาจำหน่าย 328,000 – 437,000 บาท
7. Mitsubishi Attrage
ซิตี้คาร์ ตัวถัง 4 ประตู ซีดาน ขนาดเล็กแต่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ครบ เบาะที่นั่งแบบหนังสังเคราะห์ จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ High Contrast บริเวณแผงประตูบุนุ่ม พร้อมตกแต่งด้วยลายคาร์บอน คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัส Smartphone – Link Display Audio (SDA) ขนาด 7 นิ้ว
ด้านเครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุดถึง 78 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร อัตราสื้อเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร เสริมด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-LS),ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า (RMS-Forward), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ราคาจำหน่าย 494,000 – 584,000
8. Mitsubishi Mirage
ซิตี้คาร์ ตัวถัง 5 ประตู แฮตช์แบ็ก อีกรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เพิ่มความสปอร์ต กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Advanced Dynamic Shield Design ตกแต่งด้วยเส้นสีแดง ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่ง ไฟตัดหมอกแบบใหม่ ไฟท้ายแบบ LED และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 15 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำวัสดุสีดำเงา Piano Black และลาย Carbon Print เบาะที่นั่งแบบหนังสังเคราะห์และผ้า มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ High Contrast เบาะหลังพับแบบ 60:40 คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ตโฟน
ด้านเครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร DOHC MIVEC กำลังสูงสุด 78 แรงม้า พร้อมด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่เพิ่มเติม เช่น ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย, ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS, ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก
ราคาจำหน่าย 474,000 – 619,000 บาท
9. Nissan Almera
ซีดานที่ตกแต่งให้ดูสปอร์ตมากขึ้น ไฟหน้าแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจังหน้าโครเมียมสีดำเงา กระจกมองข้างปรับ-พับด้วยไฟฟ้า ล้ออัลลอยสีดำ 15 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำ เบาะที่นั่งเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเทา คอนโซลหน้าหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ มาตรวัดเรืองแสงแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ระบบอินโฟเทนเมนต์แบบจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto มีลำโพง 6 ตำแหน่ง
ด้านเครื่องยนต์เป็นแบบเบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว กำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400–4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ XTronic CVT พร้อม D-Step Logic ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตร
ราคาจำหน่าย 509,000 – 669,000 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับ รถยนต์สำหรับผู้หญิง ที่เรามาแนะนำกันทั้ง 9 รุ่น ที่มีขนาดเล็ก ขับขี่สะดวกสบาย เน้นการใช้งานในเมือง ให้ความคล่องตัว มาให้ประกอบการตัดสินใจในการเลือก อย่างไรก็ตามสามารถเลือกกันได้ตามสะดวกสบาย สบายกายไม่พอ สบายกระเป๋าด้วย หากสนใจรุ่นไหนก็ตรงเข้าโชว์รูมไปถอยกันออกมาได้เลยจ้า
บทความอื่น ๆ
