GWM ORA 5 น้องเหมียวยกสูงประเดิมขายที่แรกที่เมืองจีนก่อนไปโกอินเตอร์ที่ตลาดต่างประเทศเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว
GWM ORA 5 โดยชื่อ ORA 5 เป็นชื่อรุ่นรถที่ได้รับการโหวตมากที่สุดจากการสำรวจความคิดเห็นกลุ่มคนชาวจีนที่มีต่อรถรุ่นใหม่ของค่ายและเป็นการเปิดตัวรุ่นใหม่ครั้งแรกของค่ายหลังว่างเว้นการเปิดรถใหม่ ถึง 3 ปี
ภาพรวมคล้ายกับ Good Cat
ตั้งแต่ ไฟหน้าทรงกลมทรง Cat Eye แบบ LED พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home กันชนหน้าออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมไส้ในแบบรังผึ้งสีเงิน พร้อมช่องระบายอากาศแนวตั้งทรงสี่เหลี่ยมเพิ่มเติมในชุดกันชนหน้า
กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้าน ราวหลังคาบิ๊วอิน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาด 1.65 ตารางเมตร ไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้นท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ พร้อมตรา GWM ขนาดใหญ่โตเด่นสง่าบนฝาท้าย กับกันชนหลังทรงเท่
ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้วพร้อมยางค่าย PRINX ขนาด 225/60R18 ตัวรถคาดว่านำพื้นฐานของ Good Cat มาพองลมให้ใหญ่โตร่างเอสยูวีตั้งแต่
- ความยาว 4,471 มิลลิเมตร (ยาวกว่าเดิม 229 มิลลิเมตร)
- ความกว้าง 1,833-1,841 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,641 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร (ยาวกว่าเดิม 70 มิลลิเมตร)
- น้ำหนักรถ 1,960 กิโลกรัม

ภายในยกมจาก Good Cat ปรับโฉม
ปรับงานดีไซน์ให้แตกต่างเช่นช่องแอร์แนวยาวดีไซน์ต่าง รวมถึงวัสดุผ้าหุ้มที่แผงคอนโซลหน้าแและแผงประตู พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านดีไซน์ใหม่เกียร์อัตโนมัติย้ายมาที่ก้านคอพวงมาลัยหรือเรียกว่าเกียร์คอช่วยในการปรับเปลี่ยนและควบคุมรถให้ง่ายขึ้น และย้ายสวิตช์ที่ปัดน้ำฝนไปรวมกับสวิตช์ไฟเลี้ยว
พร้อมจอใหม่แยกกัน 2 จอจากเดิมจอรวม เริ่มที่จอมาตรวัดความเร็ว Full TFT สีขนาด 10.25 นิ้วและจอสัมผัสใหม่ขนาด 15.6 นิ้ว ชัดแบบ 2.5K อินเทอร์เฟซใหม่ฉับไวขึ้น พร้อมระบบปฏิบัติการ Coffee OS เจเนอเรชันที่ 3 และระบบนำทางด้วย GPS ในตัว พร้อมระบบ Deep Seek
เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทางรองรับแอปพลิเคชันเพลง พร้อมลำโพง 4 จุดและ 6 จุด Wireless Charger จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 50 วัตต์ เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มช่องต่อ USB ประเภท TYPE A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และประเภท TYPE A สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

พร้อมวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟพร้อม Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดายและระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะหลังสามารถพับลงได้และปรับพนักพิงได้ 2 ระดับ เอนได้ 33 องศา เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร พร้อมโทนสี 3 สี ทั้ง สีขาว Dawn White, สีน้ำตาล Noon Brown และสีเทา Midnight Grey
ไฟสร้างบรรยากาศ 64 สี ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกเพื่อระบายอากาศและช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร
ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัย การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence)
การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล พร้อมฟังก์ชันอื่นๆทั้งฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ เป็นต้น

ขุมพลังไฟฟ้าล้วน
จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวรุ่น QT36TZ220001 จาก HYCET ในเครือ GWM ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก SVLOT ขนาดความจุแบตเตอรี่ 45.3 และ 58.3 kWh พร้อมระยะ CLTC ที่ 480 และ 580 กิโลเมตร หรือราว 463 และ 560 กิโลเมตร (NEDC) ให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ชาร์จได้ทั้ง AC สูงสุด 6.6 kW ภายใน 8.5 และ 10.5 ชั่วโมง และ DC 30-80% ภายใน 20 นาที พร้อมความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) เพื่อการประหยัดพลังงาน และระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (3,300W) ระบบจ่ายกระแสไฟแก่อุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกที่ที่เดินทาง และช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ
มาพร้อม Coffee Pilot Ultra เจเนอเรชันที่ 3
ด้วย LiDAR ติดตั้งบนหลังคา พร้อมกล้องหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ช่วยให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงได้ รองรับฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบนำทางอัตโนมัติ (NOA) ในเมือง และ NOA บนทางหลวง ทำงานร่วมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติ

เปิดราคาอย่างเป็นทางการที่จีน ขาย 5 รุ่นย่อยแบ่งเป็นรุ่น AIR 480, PRO 480, MAX 580, LiDAR 480 และ LiDAR 580 เริ่มต้น 99,800-133,800 YUAN หรือราว 449,000-599,000 บาท มีสีภายนอกมากถึง 6 สี แต่ละสีได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่สำคัญทางภูมิศาสตร์ ได้แก่
- สีเขียว Aurora Green
- สีเทา Senna Grey
- สีฟ้า Lake Sayram Blue
- สีขาว Cliff White
- สีครีม Sand Dune Beige
- สีแดง Linzhi Red

นอกจากเวอร์ชันไฟฟ้าล้วนแล้วในอนาคต GWM ORA 5 จะมีทางเลือกใหม่สำหรับไม่คนชอบรถติดถ่านล้วนๆกับขุมพลังสันดาป ฟูลไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด
รุ่นสันดาปล้วนยกพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร โดยเวอร์ชันสันดาปล้วนคาดมาในรหัส GW4B15M ให้พลังแรง 177 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 275 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT มาจาก GWM HAVAL H6L
รุ่นฟูลไฮบริดจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กโดยคาดว่ายกมจาก GWM HAVAL H6 HEV กับ เบนซินเทอร์โบแปรผันซูเปอร์ชาร์จ VGT 1.5 ลิตร GW4B15 GDIT EVO 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 177 แรงม้าที่ 300 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันจะได้แรงม้ารวมสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT 2 สปีด
และรุ่นปลั๊กอินไฮบริดยังไม่มีการเปิดเผยโดยขาย 4 รุ่นย่อย ทางด้านเมืองไทยพบกันปีหน้าจับตาจะใช้ขุมพลังไหนมาประจำการต้องติดตาม
ที่มา CarNewsChina











