ผลงานของศิลปินนักออกแบบชาวอเมริกัน Allan Williams โดยผลงานนี้มีชื่อว่า Honda Motocompo XL ซึ่งมีความแตกต่างกับ MotoCompo ในอดีตตรงที่สัดส่วนของตัวรถนั้น จะมีขนาดเท่ากับรถสกู๊ตเตอร์ในคลาส 125 ซีซี และที่สำคัญมันไม่สามารถพับเก็บได้เหมือนกับตัวต้นทางของไอเดีย โดยทางผู้ออกแบบได้มองว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่เราจะเอารถสกู๊ตเตอร์ขนาด full size มาพับเก็บ แต่ต้องการที่จะนำเสนอรูปแบบของตัวรถที่ผ่านกระบวนการคิดโดยอิงจากแนวทางดั่งเดิมของเจ้า Motocompo เท่านั้น
โดยตัวรถนั้นค่อนข้างจะงานออกแบบที่เหมือนกับรถต้นฉบับไม่น้อย ทั้งรูปทรงที่มาเป็นแบบ Box เรียบง่ายแต่ดูดี แต่ก็มีความแตกต่างในส่วนของแฮนด์บังคับ ที่จะไม่มีการกางในแนวตั้งออกมาเหมือนกับ Motocompo รุ่นดั่งเดิม แต่จะถูกวางในระนาบต่ำกว่าตัวรถ ทำให้ตำแหน่งของแฮนด์บังคับและคันเร่งนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ บังคับให้ผู้ขับขี่ต้องก้มต่ำและหมอบราบขี่ ซึ่งน่าจะดูแล้วคนขี่นั้นไม่สามารถมีพุงหรือต่อให้ไม่มีพุง ก็น่าจะปวดหลังไม่น้อย เพราะตำแหน่งพักเท้าของตัวรถค่อนข้างจะอยู่ในแนวเดียวกับเบาะนั่ง ทำให้เวลาขับขี่จริงนั้น ขาทั้งสองข้างจะทิ้งตรง และเมื่อบวกกับตำแหน่งของแฮนด์แล้ว น่าจะได้ท่าทางในการขับขี่ที่ไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร
ในส่วนของงานออกแบบอื่นๆ นั้น ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวต้นแบบ ทั้งไฟหน้าทรงเหลี่ยม ยาวไปจนส่วนท้าย ที่มีการปรับเล็กน้อยโดยการยื่นออกมาของท้ายรถที่เป็นส่วนของเบาะนั่ง และตำแหน่งไฟท้ายแบบแถบยาว ที่ผนวกเข้ากับสัญญาณไฟเลี้ยวด้านท้าย ล้อแบบตัน พร้อมกับการประดับตราปีกนก โดยรวมแล้วงานออกแบบให้อารมณ์แบบ Cyber Punk
สิ่งที่น่าสนใจของเจ้า Honda Motocompo XL คันนี้ก็คือการเลือกใช้งานมอเตอร์ส่งกำลังแบบไฟฟ้า ที่ล้อหลัง แทนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้าไปยังตัวรถ แต่ก็มีงานออกแบบที่ทำให้เราสงสัย เพราะเท่าที่เราสังเกตรอบๆ คัน ตัวรถดูเหมือนจะไม่มีการติดตั้งระบบเบรก ไม่ว่าจะเป็นก้านแบบใช้มือบีบ หรือแป้นเบรกที่ใช้เท้าในการควบคุม เราจึงค่อนข้างไม่มั่นใจว่าตัวรถนั้นจะใช้หลักการใดในการชะลอความเร็วหรือหยุดรถ
สุดท้ายทั้งหมดนี้เป็นเพียงการออกแบบเท่านั้น ทาง Honda เองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีการนำเอา Motocompo กลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง แต่เปลี่ยนจากรถสกู๊ตเตอร์เครื่องยนต์สองจังหวะ ไปเป็นรถสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าแทน และยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนาจากรถต้นแบบไปสู่การผลิตจริงในเร็วๆ นี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rideapart.com
