ออสเตรเลียเป็นรายล่าสุดเปิดตัว IONIQ 9 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์ลูก IONIQ เครือ Hyundai ในเวอร์ชันพวงมาลัยขวา
จากต้นแบบ Hyundai Seven Concept และได้เคยโชว์ตัวที่ไทยที่งาน Motor Expo 2023 กลายมาเป็น IONIQ 9 เอสยูวีไซซ์ยักษ์ขุมพลังอีวี
หน้าตาเด่นสไตล์แบบ Parametric Pixels Design
ด้วยด้วยชุดไฟหน้า MATRIX LED ถูกจัดวางในตำแหน่งชายกันชนหน้าระดับแนวขอบยางด้านบนซ้าย-ขวาเหนือขึ้นไปกับไฟ DRLs คาดยาวสองฝั่งคล้ายกับแว่นตาของหุ่นยนต์เพื่อเข้ากับกระจังหน้าทรงทึบสีดำเสริมด้วยคิ้วสีเงินบริเวณด้านล่างของกันชนหน้า
ด้านข้างอย่างหรูด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ ราวหลังคาสีเงิน และเสาอากาศมาแบบฝังกระจกรถแทนครีบฉลาม รองรับสัญาณระบบ GPS วิทยุดาวเทียมและกระจกบังลงหลังสำหรับวิทยุ FM/AM กระจกมองข้างแบบดิจิตอลข้างรถให้เลือก และมีกระจกมองข้างทรงสปูนเป็นออปชันมาตรฐาน กระจกรถบานใหญ่ทุกชิ้นเสริมคิ้วสีเงินบริเวณเสา D ที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวถัง รับกับคิ้วขอบล้อรูปตัวยูและคิ้วชายล่างสีดำดีไซนืกลมกลืนลากยาวทั้งคันตั้งแต่ด้านหน้ายันด้านท้าย
ด้านท้ายมาในทรงตัวยูตั้งแต่ฝาท้ายติดตรา IONIQ 9 ไฟท้าย LED แนวตั้งสองฝั่งพร้อมสปอยเลอร์ในตัวกับไฟเบรกแนวยาว รับกับกันชนหลังสีทูโทน และล้ออัลลอยให้เลือกตั้งแต่ขนาด 21 นิ้วตามบุคลิก พร้อมยาง 285/45R21 คันนี้ใหญ่เทียบเท่า KIA EV9 ด้วยแพลตฟอร์ม E-GMP ใหญ่ทั้งคันและใหญ่กว่าเพื่อนร่วมชาติอย่าง KIA EV9 ตั้งแต่
- ความยาว 5,060 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,980 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,790 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,130 มิลลิเมตร
- ความจุสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า 32 ลิตร
ภายในคล้าย Hyundai SANTA FE
เริ่มที่ดีไซน์ชุดแผงคอนโซลหน้ามีความคล้ายกับรุ่น SANTA FE เจนใหม่ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ดีไซน์ย้อนยุคนึกถึงรถเก่ายุค 80 ของค่ายอย่าง Hyundai Grandeur จอคู่ฝั่งละ 12.3 นิ้วรวมการทำงานของชุดมาตรวัดความเร็วดิจิทัลและจอสัมผัสระบบความบันเทิงเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play และ Android Auto สามารถอัพเดตซอฟต์แวร์ของภายในรถแบบไร้สายได้หรือ Over-the-Air (OTA) แบบไร้สาย
ปุ่มการทำงานจอสัมผัสใต้ช่องแอร์แนวยาวพร้อมที่ชาร์จ USB Type-C ที่ให้กำลังไฟสูง 100W หลายพอร์ตที่รับพลังงานจากชุดแบตเตอรี่ 110.3 kWh แทนแบตเตอรี่แบบ 12V พร้อมลำโพง BOSE 14 จุด มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย เบรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Auto Hold ไฟสร้างบรรยากาศ ambient light มากถึง 64 สี
กล่องคอนโซลลกลางแนวยาวกันรังสี UV-C Sterilization ผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังสามารถเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายได้แบบ Bilateral Multi-Console แจ้งเตือนผู้โดยสารด้านหลังก่อนออกจากรถ เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 3 โซน ซ้าย-ขวาพร้อมแอร์หลังสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ยังสามารถสั่งสตาร์ทรถในระยะไกลและสั่งการทำงานของระบบปรับอากาศจากระยะไกลได้ Remote Smart Parking กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ กุญแจแบบ Hyundai Digital Key
ภายในหรูในสไตล์ 3 แถว 6 ที่นั่ง 2+2+2 หรือ 7 ที่นั่ง 2+3+2 โดยรุ่น 6 ที่นั่ง เบาะนั่งตอนที่ 2 แบบ Captain Seat อิสระ 2 ที่นั่ง ปรับหมุนได้ 180 องศา ช่วยให้ผู้โดยสารภายในสามารถโต้ตอบ เชื่อมต่อ และสื่อสารกับคนที่คุณรักได้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้พร้อมอุ่นเบาะและเบาะเย็นรวมถึงฟังก์ชันนวด วัสดุภายในบุด้วยวัสดุผ้า PET รีไซเคิล ผ้าขนสัตว์และหนังขนสัตว์และหนังกลับที่ผ่านกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายขนาดใหญ่ถ้าพับเบาะตอนที่ 2 กับ 3 มีพื้นที่มากถึง 2,419 ลิตร ส่วนกรณีไม่พับเบาะมีพื้นที่ 338 ลิตร และพับเบาะตอน 3 908 ลิตร
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนขายรุ่นมอเตอร์คู่ขับสี่
จากสถาปัตยกรรม e-GMP 800V ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 110.3 kWh สามารถชาร์จเร็ว DC ได้สูงสุด 350kW ทำให้ชาร์จไฟได้ 10-80% ในเวลา 24 นาที และชาร์จช้า AC ยังชาร์จ Vehicle-to-load (V2L) สามารถต่อกระแสไฟ จากรถยนต์ไปพ่วงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้และให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1 speed Reduction Gear พร้อมระบบ i-Pedal–One Pedal Driving Function
โดยขายรุ่นเดียวนั่นคือรุ่น AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ด้านหน้าและมอเตอร์หลัง เท่ากัน 214 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันสูงสุด 427 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.3 วินาที วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 706 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai Smart Sense อาทิ
- ช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist Forward Collision Avoidance Assist (FCA 2.0)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist (LKA)
- ช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร Lane Following Assist (LFA)
- ช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind-Spot Collision-Avoidance Assist (BCA)
- กล้องมองรอบทิศทาง Surround View Monitor (SVM)
- กล้องมองภาพจุดอับสายตา Blind-Spot View Monitor (BVM)
- เตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-traffic Collision Avoidance Assist (RCCA)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Smart Cruise Control Stop & Go (SCC)
- เซนเซอร์ช่วยเหลือการเข้าจอดด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง Parking Distance Warning (PDW) -Front, Side and Rear
- ช่วยป้องกันการชนขณะถอยจอด Parking Collision-Avoidance Assist-REAR (PCA-R)
- ช่วยจอดโดยใช้รีโมตจากสมาร์ตคีย์ Remote Smart Parking Assist (RSPA)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)
- ป้องกันไม่ให้ลงรถ ขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist (SEA)
- เตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Warning (DAW)
- เตือนผู้โดยสารด้านหลัง Rear Occupant Alert (ROA)
ถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 จุด เบรก ABS + EBD ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง (TSA) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) ควบคุมเบรกขณะลงทางลาดชัน (DBC) และกระจกมองหลังอัจฉริยะ ตรวจวัดลมยาง (TPMS)
IONIQ 9 ขายออสเตรเลียในราคาเดียว 2 แบบทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่งในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลียเริ่มต้น $119,750 หรือราว 2,529,000 บาท
ที่มา Carexpert