หนึ่งในสี่รุ่นจากค่าย OMODA และ JAECOO พร้อมบุกเมืองไทยเต็มรูปแบบกับ JAECOO 7 เอสยูวีทรงลุยและอึดที่จะทำให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ
ภายนอก Exterior
JAECOO 7 เวอร์ชันพวงมาลัยขวาในร่างเอสยูวีไซซ์คอมแพค ท้าชน Honda HR-V Toyota Corolla Cross ด้วยหน้าตาคล้ายพี่ใหญ่ JAECOO 8 ตั้งแต่กระจังหน้าทรงเหลี่ยมรูปตัวยูไส้ในใส่แนวตั้งขนาดใหญ่ 20 ซี่ โทนโครเมียมสีดำเข้ม ปะโลโก้ JAECOO ขนาดใหญ่คู่กับชุดไฟหน้า LED ประกอบด้วยไฟ DRL LED ส่วนบน
พร้อมไฟหน้าและ ไฟตัดหมอกหน้า LED สองตัวใต้ชุดไฟ DRL รับกับกันชนหน้าดีไซน์เด่นเล่นระดับ ด้านข้างมาพร้อมที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ กระจกมองข้างทรงสปูนหลังคารถออกแบบอย่างเฉียบขาดพร้อมราวหลังคาที่รับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม
ด้านท้ายเด่นสง่าด้วยไฟท้าย LED แนวยาวประดับด้วยตัวอักษร JAECOO ประกบด้วยกันชนหลังทรงหรูด้วยตัวรถที่ใหญ่กว่าเพื่อนๆ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/55R18 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R19
ตัวรถนำพื้นฐานของ CHERY Explore 06 เปลี่ยนหน้าตาให้สมกับความเป็น JAECOO ด้วยแพลตฟอร์ม T1X ทำให้ตัวรถใหญ่โตพอสมควรตั้งแต่
- ความยาว 4,500 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,865 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,680 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,672 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,709 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 51 ลิตร
ภายใน Interior
ภายในล้ำอนาคตกับคอนโซลหน้าทรงเหลี่ยมแท่งแนวยาวพร้อมช่องแอร์ทรงเหลี่ยมแนวตั้งซ้าย-ขวาหรูหรา เด่นด้วยจอสองจอที่ประกอบด้วยมาตรวัดความเร็วดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว จอระบบความบันเทิงเชื่อมต่อการสื่อสารทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ขนาด 14.8 นิ้ว
ประมวลผลรวดเร็วด้วยชิปของ Qualcomm 8155 ประมวลผลรายละเอียดที่ชาญฉลาดประมวลคำสั่งได้มากกว่า 20 คำสั่งใน 30 วินาที และบูตจอสัมผัสเพียง 2 วินาที สามารถให้การโต้ตอบอัจฉริยะที่ละเอียดอ่อนและเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นแม่นยำยิ่งขึ้น การรับรู้สภาพของยานพาหนะที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
พร้อมลำโพง 8 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงท้ายตัดแบบ Multi-Kinetic Flat-Bottom ปะตัวอักษร JAECOO จอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สาย
ความสบายจากเบาะนั่งสองตอน 5 ที่นั่ง โดยฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมระบบความจำ ยังมีระบบอุ่นเบาะปรับความเย็นของเบาะทุกที่นั่ง โดยเบาะหลังพับได้พิ่มพื้นที่ในการขนของมีพื้นที่วางของก่อนพับเบาะมากถึง 412 ลิตร และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ถึง 1.1 ตารางเมตร
สมรรถนะ Perfromance
ขุมพลังเป็นรุ่น Plug In Hybird เบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 18.3 kWh
เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 346 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 95 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน NEDC และถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำได้ 1,280 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ประะหยัดสุด 20.4 กิโลเมตรต่อลิตร
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC และ กระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 20 นาที
ความปลอดภัย Safety
พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ แม่นยำเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็น
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
- เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake)
- เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
- เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)
- จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limter)
- อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- กล้องมองภาพรอบคันแบบ 540° รวมถึงหลังคารถ
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 จุด รวมถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะหน้ากับใต้เข่าคนขับ
JAECOO 7 เตรียมเปิดตัวในไทยช่วงไตรมาสที่สามของปี 2024 โดยก่อนหน้านั้น OMODA C5 EV เปิดขายไทยช่วงไตรมาสที่สองคาดเป็นช่วงเดือน พฤษภาคม กับค่าตัวไม่เกินล้าน และ JAECOO 6 มาพร้อมกับ JAECOO 8 PHEV เปิดขายช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้
ด้านเครือข่ายการจำหน่ายชัดเจนแล้วว่ามีมากกว่า 35 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งล่าสุด ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)
กับผู้แทนจำหน่ายระดับประเทศครั้งแรก พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทย และโรงงานประกอบรถอีวีในไทยจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2025