ประเดิมรุ่นแรกในปีนี้กับ JAECOO 7 SHS ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของค่ายในราคาเริ่มต้นไม่ข้ามล้านจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย
ล่าสุด JAECOO 7 SHS ล็อตแรกได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากลและถูกนำเข้าสู่ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย เตรียมส่งมอบ สู่ท้องถนนในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
และเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ายกระดับมาตรฐานด้านบริการหลังการขาย OMODA & JAECOO ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งการวางแผนผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย และการจัดการด้านบริการหลังการขาย สำรองอะไหล่อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การซ่อมบำรุงเบื้องต้น ไปจนถึงการดูแลรักษารถในระยะยาว สะท้อนความตั้งใจในการมอบประสบการณ์ที่มั่นใจ และไร้กังวลให้กับลูกค้าชาวไทยทุกคน
โดยระบบกระจายอะไหล่ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีความพร้อมในการจัดส่งอะไหล่ถึงศูนย์บริการตามเคสความเสียหาย โดยปกติใช้เวลาเพียง 1-2 วันทำการในกรุงเทพฯ และ 3-5 วันในต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าอยู่ในมาตรฐานระดับสากลและยืนยันว่ามีสต็อกอะไหล่ครบครันที่จำเป็นสำหรับการให้บริการ ทั้งในกลุ่มอะไหล่ซ่อมแซมทั่วไปและอะไหล่สำหรับการบำรุงรักษาในระยะยาว เพื่อรองรับการเติบโตของยอดส่งมอบและจำนวนผู้ใช้ JAECOO 7 SHS ที่จะเพิ่มมากขึ้น
รถใหม่ของค่ายที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำและดีไซน์ สุดคลาสสิคหน้าตาหล่อเหลี่ยมทั้งคันด้วยแพลตฟอร์ม T1X ทำให้ตัวรถมีขนาดพอดี ภายในล้ำอนาคตกับคอนโซลหน้าทรงเหลี่ยมแท่งแนวยาวพร้อมช่องแอร์ทรงเหลี่ยมแนวตั้งซ้าย-ขวาหรูหรา เด่นด้วยจอสองจอที่ประกอบด้วยมาตรวัดความเร็วดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว จอระบบความบันเทิงเชื่อมต่อการสื่อสารทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ขนาด 14.8 นิ้ว
ประมวลผลรวดเร็วด้วยชิปของ Qualcomm 8155 ประมวลผลรายละเอียดที่ชาญฉลาดประมวลคำสั่งได้มากกว่า 20 คำสั่งใน 30 วินาที และบูตจอสัมผัสเพียง 2 วินาที สามารถให้การโต้ตอบอัจฉริยะที่ละเอียดอ่อนและเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้นแม่นยำยิ่งขึ้น การรับรู้สภาพของยานพาหนะที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
พร้อมลำโพง 8 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงท้ายตัดแบบ Multi-Kinetic Flat-Bottom ปะตัวอักษร JAECOO จอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ความสบายจากเบาะนั่งสองตอน 5 ที่นั่ง และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ถึง 1.1 ตารางเมตร
ขุมพลังที่จะขายในไทยเป็นรุ่น Plug In Hybird มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) เทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 เบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 215 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าจากระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Ternary lithium battery ขนาด 18.3 kWh
เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 347 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 106 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน NEDC ให้ความเร็วสูงสุดเมื่อวิ่งโหมดไฟฟ้า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมีแบตเตอรี่มากกว่า 25% และถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำได้ 1,300 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ประะหยัดสุด 20.4 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC ผ่านปลั๊กไฟ 3 ขา 230 โวลต์ รองรับกำลังไฟ 6.6 kW 0-100% ภายใน 3.3 ชั่วโมง และกำลังไฟ 3.3 kW 0-100% ภายในเวลา 8.5 ชั่วโมงและกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จ 40 kW จาก 30-80% ในเวลาเพียง 20 นาที
สามารถกลายเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่กลางแจ้ง V2L เปลี่ยนรถให้กลายเป็นสถานีจ่ายไฟฟ้าที่ปลอดภัยได้ในกรณีฉุกเฉิน ด้วยความสามารถในการปล่อยประจุไฟฟ้าภายนอกได้ 3.3 กิโลวัตต์ พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)
พร้อมท้าชนคู่แข่งจากญี่ปุ่นทั้ง Honda HR-V Toyota Corolla Cross โดยมี 2 รุ่นย่อยได้แก่
- JAECOO 7 SHS Dynamic – ราคาคาดการณ์ 899,000 บาท
- JAECOO 7 SHS Max – ราคาคาดการณ์ 999,000 บาท
มากับข้อเสนอพิเศษ ECO BONUS รับส่วนลด On Top 10,000 บาท เพียงคุณเป็นเจ้าของรถ เครื่องยนต์สันดาป (ICE) หรือ ไฮบริด (Hybrid), ฟรี! ค่าบำรุงรักษาเป็นระยะเวลา 2 ปี, ฟรี! Home Charger พร้อมติดตั้ง, ฟรี! สายชาร์จ V-2-L, สายชาร์จเคลื่อนที่ และข้อเสนออื่นๆอีกมากมาย เมื่อจองและออกรถตั้งแต่ 15 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น