More

    Maserati GranCabrio Folgore สปอร์ตไฟฟ้าเปิดประทุน ตัวถังสีทองชมพู มอเตอร์ 3 ตัว กำลัง 760 แรงม้า

    Maserati ได้จัดกิจกรรมพิเศษ ‘Made in Thunder’ โหมโรงให้กับ Maserati GranCabrio Folgore ยนตรกรรมขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% พร้อมนำพาค่ายตรีศูล ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 3 ตัว 760 แรงม้า

    การแสดงเริ่มขึ้นช่วงอาทิตย์อัสดง ด้วยเสียงดนตรีที่เรียกความสนใจดุจมนต์สะกดจาก ดาร์ดัสท์ (Dardust) ศิลปินชื่อดังชาวอิตาเลียน ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับค่ายตรีศูลเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการต้อนรับยุคใหม่กับยนตรกรรมสายพันธุ์ โฟลกอเรที่กำลังจะมาถึง

    จากนั้นนักแสดงสาวชาวอิตาเลียน มาทิลดา เด แองเจลิส (Matilda De Angelis) พร้อมกับนักวิทยาสตร์ ดาราศาสตร์ และนักสื่อสารชาวอิตาเลียนอีกท่านหนึ่งคือ เอ็ดวิดจ์ เพซซุลลี (Edwige Pezzulli) ซึ่งมาเป็นแขกพิเศษของ Maserati ในโอกาสพิเศษนี้ ก็ได้ขึ้นบนเวทีเพื่อเปิดงานอย่างเป็นทางการ

    โดยเริ่มจากการเล่าประวัติยุคแรกของแบรนด์ จนถึงในปีนี้ที่มีอายุครบ 110 ปี และมีประวัติความเป็นมาที่โดดเด่นในโลกยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งในวันเดียวกันนี้ ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี อัจฉริยะชาวอิตาเลียน และนับเป็นวันเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจ ในผลิตภัณฑ์ที่ Made in Italy

    ยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยศิลปะ ความสร้างสรรค์ด้วยฝีมือนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์จากแคว้นทัสคานี และการเป็นยนตรกรรมที่ผลิตในอิตาลี ได้กลายมาเป็นหัวใจที่จะขับเคลื่อน Maserati สู่ยุคใหม่ที่นำโดย ‘Folgore’ ยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

    Maserati GranCabrio Folgore

    หลังจากทั้งสองท่านได้เล่าประวัติความเป็นมาอันน่าภูมิใจแล้ว ก็ได้เวลาเปิดตัวยนตรกรรมแห่งอนาคต สู่สายตาผู้คนทั่วโลก ด้วยพลังที่รุนแรงดุจสายฟ้าฟาด Maserati GranCabrio Folgore (มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร) ยนตรกรรมสปอร์ตเปิดประทุน ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ซึ่งผลิตในอิตาลีทั้งคัน

    Maserati GranCabrio Folgore Maserati GranCabrio FolgoreMaserati GranCabrio Folgore หรูหรา สง่างาม สะกดทุกสายตาด้วยบุคลิกรถสปอร์ตสุดท้าทาย การผสมผสานอย่างลงตัวของนวัตกรรมต่างๆ ให้ความสุนทรีย์ในการขับอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย รวมถึงความประณีตทุกรายละเอียด โดยเป็นยนตรกรรมเปิดประทุน ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ในเซกเมนท์ลักชัวรี่ ที่มากับสมรรถนะสูงสุดในปัจจุบัน

    สุดยอดยนตรกรรมใหม่เหล่านี้ เป็นผลมาจากการรังสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ และเป็นสิ่งที่ทำให้ Maserati ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการยานยนต์ของโลก ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ โดยมีแบรนด์หรูจากอิตาลี เป็นผู้นำในการผสานดีเอ็นเอของแบรนด์ในด้านสมรรถนะ เข้ากับรูปลักษณ์อันทันสมัย รวมถึงแรงบันดาลใจจากความก้าวล้ำของวิศวกรรมและเทคโนโลยี

    Maserati GranCabrio Folgore

    จากนั้นเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โดย มร. เคลาซ์ บุสซ์ (Klaus Busse) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ มาเซราติ และ มร. เดวิด กราสโซ (Davide Grasso) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่ง มร. เคลาซ์ บุสซ์ ได้นำเสนอเส้นทางแห่งการรังสรรค์ความงาม และจิตวิญญาณของ Maserati GranCabrio Folgore ตัวถังสีทองชมพู (Liquid Rose Gold) พร้อมกับหลังคาผ้าใบ สีเทา (Titan Grey) เข้ากันกับห้องโดยสารโทนฟ้าและขาว (Denim and Ice) เย็บตะเข็บสีตัดกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่น ของโปรแกรม Maserati Fuoriserie ให้ลูกค้ากำหนดรายละเอียดการตกแต่งได้ตามต้องการ ก่อนจะไปถึงจุดเด่นต่างๆ ของรถ นับตั้งแต่ดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา สมรรถนะเหนือระดับ สุ้มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมสายพันธุ์ Folgore และเทคโนโลยีจากรถแข่ง ฟอร์มูล่า อี ที่นำมาปรับใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิต

    Maserati GranCabrio Folgore

    ชุดขับเคลื่อนหลักเลือกใช้มอเตอร์จำนวน 3 ตัว ประสานการทำงานจนมีพละกำลังมากถึง 760 แรงม้า (HP) และสามารถเพิ่มเป็น 830 แรงม้า (HP) เมื่อใช้โหมดการทำงาน MaxBoost มาพร้อมแรงบิดสูงสุด 1,350 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 800 V ความจุ 92.5 kWh (Useable 83 kWh) รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 270 kW ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็ม 1 รอบ ทำได้ 445 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) น้อยกว่ารุ่น Coupe 10 กิโลเมตร ด้วยสถาปัตยกรรมแรงดันสูงถึง 800V จึงทำให้ GranCabrio Folgore สามารถชาร์จด้วยแรงดันไฟฟ้าที่หลากหลาย

    Maserati GranCabrio Folgore Maserati GranCabrio Folgore

    หลังจากนั้น มร. เดวิด กราสโซ ได้ขึ้นมากล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ ที่สละมาร่วมงานเพื่อเป็นสักขีพยานในการก้าวสู่
    ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ก่อนจะกล่าวถึงช่วงเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา ที่มีการผสานความโดดเด่นด้านศิลปะเข้ากับวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัวและทรงพลังราวสายฟ้าฟาด ซึ่งได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ความยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์จากอิตาลี ที่สอดแทรกอยู่ในจิดวิญญาณและผลงานจากค่ายตรีศูลมาโดยตลอด พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “หากไม่มีอิตาลี ก็คงไม่มี Maserati ซึ่งวันนี้ ได้เริ่มการเข้าสู่ยุคแห่งยนตรกรรมขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เต็มรูปแบบ”

    โฟลกอเร คือ เสียงสะท้อนจากอนาคตของ Maserati ประดุจสายฟ้าที่สะสมพลังงาม และก่อเกิดระเบิดเป็นพลัง
    ในการสร้างอนาคตของค่ายตรีศูล

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts