More

    เปิดโผรถใหม่..เตรียมขายไทยครึ่งปีหลังปี 2024

    ตลาดรถยนต์เมืองไทยไตรมาสแรกปี 2024 ทำตัวเลขไม่สดใสลดลง 24.6% รวม 163,756 คัน จากปัญหาหลักเรื่องความเข้มงวดของสถาบันการเงิน

    Car2Dayประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 65,615 คัน ลดลง 15.4% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 98,141 คัน ลดลง 29.7% และรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขายที่ 56,425 คัน ลดลง 44.4% นอกจากสาเหตุเรื่องของความเข้มงวดของสถาบันการเงินแล้วยังมีปัจจัยรอบด้านที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวม อาทิ การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศและโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการสนับสนุนการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

    และในปีนี้จะสามารถทำยอดขายทะลุถึง 800,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 296,500 คัน เพิ่มขึ้น 1% รถเพื่อการพาณิชย์ 503,500 คัน เพิ่มขึ้น 4% ได้หรือไม่ และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ค่ายรถยนต์พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เพื่อต้อนรับงาน Fast Auto Show Thailand & EV Expo, Big Motor Sale งานใหญ่ส่งท้ายปีอย่าง Motor Expo ทั้งแบบเปิดตัวครั้งแรก เปิดตัวก่อนหน้าตั้งแต่ต้นปีและพร้อมส่งมอบตั้งแต่ช่วงนี้ทั้งสันดาปล้วนและไฟฟ้า เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถยนต์ที่จะเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลังนี้เริ่มที่

    AION : HYPER HT x HYPER GT x HYPER SSR 

    HYPER

    HYPER HT เอสยูวีไฟฟ้าประตูปีกนกคู่หลัง Gull Wing Door ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นจุดเด่นด้านการที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Tesla Model X สร้างจากแพลตฟอร์ม AEP 3.0 มาพร้อมขุมพลังเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังถึงสี่รุ่นย่อยเริ่มที่รุ่นเริ่มต้นใช้ขนาดแบตเตอรี่ลิเธียมไออน 70 kWh แบบ LFP ให้กำลังสูงถึง 245 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตันเมตร เห็นได้ชัดว่าเพียงพอที่จะขับเคลื่อน SUV ในอัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 6.8 วินาทีและสามารถเดินทางไกลกว่า 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

    สามารถชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร และชาร์จกระแสสลับ AC ได้ โดยเปิดรับจองในราคาไม่ถึง 1,999,900 บาท และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงเดือน กรกฎาคม และส่งมอบตั้งแต่ สิงหาคม

    AIONทางด้าน HYPER GT เก๋งไฟฟ้าประตูปีกนก ร้างจากพื้นฐาน AEP3.0 EV-dedicated architecture ขุมพลังเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังที่สามารถชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC และกระแสสลับ AC มีทั้งหมดสามรุ่นย่อยเริ่มที่รุ่นเริ่มต้นใช้ขนาดแบตเตอรี่ 60 kWh แบบ NMC ให้กำลังสูงถึง 245 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตันเมตร เห็นได้ชัดว่าเพียงพอที่จะขับเคลื่อนในอัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.6 วินาทีและสามารถเดินทางได้ 560 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC

    ขยับมาอีกรุ่นที่ใช้ขนาดแบตเตอรี่ 70 kWh แบบ NMC ให้กำลังสูงถึง 245 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 5.6 วินาทีและสามารถเดินทางได้ 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC และรุ่นท็อปสุดใช้ขนาดแบตเตอรี่ 80 kWh แบบ NMC ให้กำลังสูงถึง 339 แรงม้า แรงบิด 434 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 4.9  วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเดินทางได้ 710 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC

    HYPERและการส่งมอบหลังเปิดตัวช่วงปีกลายกับ HYPER SSR ซูเปอร์คาร์เด่นด้วยประตูปีกนกผสมผสานด้านงานดีไซน์จากรถดังแดนปลาดิบอย่าง Honda NSX เจเนอเรชันที่ 2 กับ Tesla Roadster ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลัง 1,224 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 12,000 นิวตันเมตร ในรุ่นเริ่มต้นสามารถทำอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 2.3 วินาที ในขณะที่อีกสองรุ่นสามารถทำได้ภายใน 1.9 วินาทีชุดแบตเตอรี่นิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ (NMC) ขนาด 74.69 kWh ซึ่งวิ่งได้ระยะทาง 505 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC

    ด้านโรงงานใหม่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ EEC จังหวัดระยอง ด้วยยอดการลงทุนกว่า 2,300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 50,000 คันต่อปี ซึ่งโรงงานจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

    BYD : BYD SEAL U x BYD SEA LION x DENZA D9 x BYD Dolphin CKD 

    BYD SEAL U

    ค่ายนี้เตรียมส่งรถใหม่บุกเมืองไทยในปีนี้ถึง 5 รุ่น ประเดิมรุ่นแรกกับ BYD ATTO 3 MY2024 รุ่นท็อปสุด อีก 4 รุ่นที่เหลือนั้นได้แก่ BYD SEAL U เอสยูวีพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของค่ายยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยขุมพลังเบนซิน Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor แบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร

    เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 317 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 435 นิวตันเมตร จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 92 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC วิ่งไกลสุดทำงานร่วมกับเครื่องยนต์และไฟฟ้าสูงสุด 1,100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที

    จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW  มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ ขายจริงและส่งมอบช่วงปลายปี 2024 (ไตรมาสสี่)

    BYD

    ทางด้านกลุ่มรถอีวีล้วนก็จะมีรุ่นใหม่มาเช่นกันกับเจ้าสิงโตทะเลอย่าง BYD SEA LION หรือ BYD SEA LION 07 จากตระกูล Ocean ตัวรถดีไซน์โดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบค่ายที่เคยฝากผลงานในอดีตกับค่าย AUDI สร้างจากแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 ขุมพลังไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB เริ่มที่

    รุ่นท็อป AWD Performance ความจุแบตเตอรี่ 82.5 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิด 690 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ส่วนระยะเวลาการชาร์จทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 150 kW กับ กระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 11 kW

    นอกจากนี้ยังมีรุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง RWD พร้อมความจุแบตเตอรี่ 80.640 kWh ให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 610 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC และรุ่น Extended Range ยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังความจุแบตเตอรี่ 80.640 kW ให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC

    ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อม ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ด้านหน้า และ Multi-Link ด้านหลัง ช่วยควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล

    อีกรุ่นในเครือกับ DENZA D9 เอ็มพีวีหรูที่เปิดรับจองแล้วลุ้นกันว่าในเวอร์ชันไทยนั้นจะเป็นขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดหรือไฟฟ้าล้วน และอีกรุ่นที่สอดรับกับนโยบายภาครัฐ EV3.5 กับการประกอบไทยเป็นครั้งแรกของค่ายกับ BYD Dolphin ประกอบที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 จะเริ่มประกอบตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ ผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนกับยุโรป มีกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี

    CHANGAN : AVATR 11 x NEVO CD 701

    AVATR

    ช่วงกลางปีหรือปลายปีนี้ได้เห็นแบรนด์ลูกแบรนด์ที่สามต่อจาก LUMIN อย่าง AVATR ประเดิมด้วย AVATR 11 เอสยูวีรูปทรงแบบท้ายลาด Coupe เสมือนเป็นการนำเอกลักษณ์สร้างความโดดเด่น พร้อมระบบเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ AC induction/asynchronous, Permanent magnet และชุดแบตเตอรี่แบบ Ternary Lithium Battery

    มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่เริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังมีสองแบบดังนี้ รุ่น Standard Range จากความจุแบตเตอรี่ 90.38 kWh ให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร  วิ่งไกลสุด 600-630 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.6 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 25 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 15 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 10.5 ชั่วโมง

    รุ่น Extended Range จากความจุแบตเตอรี่ 116.79 kWh ให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 705-730 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 45 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 25 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 13.5 ชั่วโมง

    รุ่น Standard Range ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ จากความจุแบตเตอรี่ 90.38 kWh ให้กำลังรวม 578 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร จากมอเตอร์คู่หน้ากำลัง 265 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงบิด 370 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 555-580 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.98 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 25 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 15 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 10.5 ชั่วโมง

    รุ่น Extended Range ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ จากความจุแบตเตอรี่ 116.79 kWh ให้กำลังรวม 578 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร จากมอเตอร์คู่หน้ากำลัง 265 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงบิด 370 นิวตันเมตร  วิ่งไกลสุด 680-700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.5 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC กำลังสูงสุด 240 kW 0-80% ภายในเวลา 45 นาที และ 30-80% ภายในเวลา 25 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% กำลังไฟสูงสุด 11 kW น้อยกว่า 13.5 ชั่วโมง

    NEVO

    ส่วนอีกรุ่นที่มาแน่นอนช่วงปลายปีนั่นคือ NEVO CD701 รถสารพัดประโยชน์ด้วยหลังคารถท้ายลาดสไตล์คูเป้มีความโดดเด่นที่เป็นได้ทั้งรถเอสยูวีด้วยหลังคากระจกด้านหลัง สามารถเลื่อนสไลด์ เปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า สร้างจากแพลตฟอร์ม SDA พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและคู่พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบไตรภาค หรือ Lithium-ion ternary battery ให้กำลัง 343 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 201 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวม 599 แรงม้า แบ่งเป็น 256 แรงม้า สำหรับมอเตอร์หน้าและ 343 แรงม้า สำหรับมอเตอร์หลัง ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    CHERY : OMODA C5 EV x JAECOO 6 x JAECOO 7​ x JAECOO​ 8

    OMODA

    ปีนี้เราได้ต้อนรับการมาของ CHERY แบรนด์รถยนต์ที่คนไทยคุ้นเคยเมื่อ 10 กว่าปีก่อน มาครั้งนี้มาพร้อมแบรนด์ลูกอีกสองแบรนด์ทั้ง OMODA และ JAECOO เริ่มที่ช่วงไตรมาสที่สองกับ  OMODAC5 EV ท้าชน BYD ATTO3 ออกแบบภายใต้แนวคิดการสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่คนรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต ด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium iron phosphate 61 kWh ที่ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุด 505 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC  พร้อมเทคโนโลยี EIC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของยานพาหนะได้อย่างมาก การใช้พลังงานต่ำมากเพียง 15 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร

    ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.2 วินาที ชาร์จสองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสสลับหรือช้า AC รองรับสูงสุด 11 kW ภายในเวลา 6-7 ชั่วโมง และชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 110 Kw ภายใน 28 นาที ได้ 30-80%

    พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง ECO Normal และ Sport ให้ทุกกิจกรรมสนุกสนานโดยไร้ข้อจํากัดด้วย V2L ( Vehicle-to-load) ทำให้มีพลังงานไฟฟ้าพร้อมใช้งาน และอำนวยความสะดวกต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้าของผู้ใช้ ขนาด 3.3 kW ในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท

    JAECOO ช่วงไตรมาสที่สามพบกับ JAECOO 7 นำพื้นฐานของ CHERY Explore 06 เปลี่ยนหน้าตาให้สมกับความเป็น JAECOO ด้วยแพลตฟอร์ม T1X Plug In Hybird เบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 18.3 kWh

    เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 346 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 95 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน NEDC และถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำได้ 1,280 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ประะหยัดสุด 20.4 กิโลเมตรต่อลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC และ กระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 20 นาที

    JAECOO

    ตามมาด้วยไตรมาสที่สี่กับ JAECOO 6 เอสยูวีไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวม 279 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 69.8 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในระยะเวลา 6.5 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

    JAECOOJAECOO 8 รุ่นใหญ่พลัง Plug In Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร Acteco รหัส SQRD4T20 แรงสุด 254 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 390 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 7 สปีด พร้อมระบบออฟโรดอัจฉริยะ ARDIS ทั้ง ECO, Normal, Sport, Snow, MUD, Off Road

    ให้กำลังรวมสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร และทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้กำลังสูงสุด 605 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 915 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลา 5.4 วินาที ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 34.46 kWh ระยะเวลาในการชาร์จกระแสตรง DC จาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 20 นาที และยังชาร์จกระแสสลับ AC ระยะทางขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า วิ่งได้ไกลสุด 175 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC วิ่งไกลด้วยด้วยเครื่องยนต์และไฟฟ้า 1,321 กิโลเมตร

    Ford :  Ford Mustang

    Fordม้าป่าเจเนอเรชันใหม่ กับ Ford Mustang เจนที่ 7 ใหม่หมดแต่ยังรักษาความคลาสสิกไว้เช่นเคยกับพลังเดิม V8 5.0 466 แรงม้า แรงบิด 569 นิวตันเมตร รวมถึงเบนซินเล็ก EcoBoost GTDi ขนาด 2.3 ลิตร  314 แรงม้า แรงบิด 476 นิวตันเมตร ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 SelectShift รุ่นเดียวกันที่ใช้ในกระบะ Ford Ranger เข้ามาทำตลาด

    GWM : POER SAHAR x HAVAL H6 Facelift x HAVAL Jolion Facelift

    GWM

    พฤษภาคมนี้พบกับการเปิดราคากระบะรุ่นแรกของค่ายอย่าง POER SAHAR ที่ยกขุมพลังมาจาก GWM TANK 500 HEV กับเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส E20NA ให้กำลัง 244 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังรวมมากถึง 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 648 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT 9 สปีด

    มีโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal, Eco, Sport, *4L และ 4H (*4L, 4H มีเฉพาะในรุ่น HEV ULTRA 4WD) มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้คุณและครอบครัวเดินทางอย่างปลอดภัยไร้กังวล โดยมีฟังก์ชันสุดล้ำมากถึง 29 รายการ

    รวมถึงการปรับโฉมหนสองของ HAVAL H6 ปรับหน้าตาและภายในใหม่หมดบนพื้นฐานขุมพลังฟูลไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดและการปรับโฉมครั้งแรกของ HAVAL Jolion ตามเป้าการเปิดตัวรถใหม่อีก 6 รุ่น ภายในสองปีรวมกันเป็น 15 รุ่นที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2020

    Honda : Honda Civic Sedan Facelift x Honda HR-V Facelift

    2025 Honda Civic Hybrid

    ทำตลาดในไทยมาถึงสามปีสมควรแก่เวลาแล้วที่จะต้องมีรุ่นปรับโฉม​ ปรับหน้าตาครั้งแรกแบบเดียวกับอเมริกาเวอร์ชันซีดาน FE พร้อมสองขุมพลังเดิมทั้ง e:HEV ในรหัส LFB1 ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle 141 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาที และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ​72-cell

    พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมด EV Drive Mode โหมด Hybrid Drive Mode และโหมด Engine Drive Mode

    และสันดาปล้วนเบนซิน VTEC Turbo 1.5 ลิตร รหัส L15C ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ทุกขนาดมาพร้อม โหมดการขับขี่ทั้ง NORMAL mode, SPORT mode, ECON พบกันภายในปีนี้ทันงาน Motor Expo 2024

    Honda

    และอีกรุ่นกับ Honda HR-V รุ่นปรับโฉมลุคใหม่เอสยูวียอดนิยมปรับสไตล์ปรับความเท่เริ่มที่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมดีไซน์ใหม่ออกแบบให้มีขนาดเล็กลงเส้นแนวนอนลดจำนวนเหลือ 8 เส้น จากเดิม 10 เส้น กันชนหน้าออกแบบใหม่สปอร์ตยิ่งขึ้นพร้อมช่องระบายอากาศใหม่แนวรังผึ้งพร้อมคิ้วชายล่างสีเงิน ด้านท้ายมพร้อมกับไฟท้าย LED Light Strip ออกแบบใหม่เป็นเส้นแนวนอนเชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว และไฟเลี้ยววิ่งหน้าหลังแบบ LED Sequential

    พร้อมพลัง e:HEV 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว รหัส LEB-H5 ให้กำลัง สูงถึง 108 แรงม้าที่ 6,000-6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที ผสมผสานกันทำงานมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ให้กำลังรวมสูงสุด 131 แรงม้าที่ 4,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า E-CVT จะมภายในปีนี้

    Hyundai : IONIQ 5 N

    Hyundai

    IONIQ 5 N มาไทยภายในปีนี้ ด้วยชุดแต่ง N รอบคัน แบบสีดำขลิบสีแดง มาพร้อมพลังอีวีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 226 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 383 แรงม้า โดยให้กำลังรวม 609 แรงม้า แรงบิด 740 นิวตันเมตร และเพิ่มพลังโหดเข้าไปถึง 650 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ถ้าเปิดใช้โหมด N Grin Boost  ส่งผลให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.4 วินาที ก่อนทะยานไปสู่ความเร็วสูงสุด 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความจุแบตเตอรี่ 84 kWh ด้วยกำลังการชาร์จมากสุด 350 kW สามารถชาร์จเร็ว DC จาก 10-80% ในเวลา 18 นาที ปลุกอารมณ์ซิ่งขับขี่แบบรถขับหลังกับฟังก์ชัน N Drift Optimizer พร้อมฟังก์ชัน Torque Kick Drift

    ISUZU : ISUZU MU-X Facelift x ISUZU D-MAX MY2025 x ISUZU ELF Model Change

    ISUZUหลังจากที่ประเทศไทยเข้าสู่มาตรฐานไอเสีย EURO5 ตั้งแต่ 1 เมษายน  ค่ายรถยนต์ที่มีปิกอัพกับพีพีวีเครื่องยนต์ดีเซลต่างปรับเพื่อเข้าสู่มาตรฐานใหม่โดยปรับราคารุ่นปัจจุบันทั้ง​ D-MAX​ และ​ MU-X​ เพิ่มจากเดิม​ 15,000-20,000​บาท​ ขายไปก่อน​

    และช่วงตุลาคมของทุกปี ISUZU จะมีรุ่นใหม่ๆออกมาและแน่นอนว่าจะเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ MY2025 ของปิกอัพ ISUZU D-MAX เพิ่มหรือลดออปขัน เพิ่มรุ่นย่อยหรือลดรุ่นย่อยบนเรือนร่างปรับโฉมเมื่อปีกลาย  รวมถึงการมาของรุ่นปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปีของ ISUZU MU-X และลุ้นว่ารถบรรรทุกจะมีโมเดลใหม่อย่าง ISUZU ELF เจนใหม่จะมาด้วยหรือไม่ เพราะล่าสุดเตรียมนำเข้า ELF EV  เข้ามาทดสอบใช้งานในไทยตั้งแต่ปีนี้

     Mercedes-Benz : Mercedes-Benz E-Class x Mercedes-Benz GLC Coupe Diesel

    E-Class

     พระเอกของค่ายดาวสามแฉกกับ Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชันใหม่ เจนที่ 11 มาครบทั้งดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร OM654M Mild Hybrid 197 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ในรุ่น E220 d และเบนซิน Plug In Hybrid 2.0 ลิตร รหัส M254 ในรุ่น E300 e ให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร เวอร์ชันประกอบในไทยในราคาเริ่มต้น 3,990,000 บาท และพร้อมจะส่งมอบตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้

    ทางด้าน Mercedes-Benz GLC Coupe หลังจากเปิดตัวรุ่น GLC 300e 4MATIC และจะมีรุ่น GLC 220d 4MATIC ตามมาด้วยและอาจเซอร์ไพรส์ด้วยหน้าใหม่ Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+

    MG : MG3 Hybrid+

    MG

    กรกฎาคมนี้เตรียมพบกับรถใหม่ทรงท้ายตัดที่กลับมาอีกครั้งในร่างใหม่ประกอบไทยพร้อมขุมพลัง เบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid Atkinson-cycle รหัส 15S4C กำลังสูงถึง 102 แรงม้า แรงบิด 128 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถเร่งได้อย่างราบรื่นให้กำลังถึง 136 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบต 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า ที่ให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8 วินาที ประหยัดสุด 22.73 กิโลเมตรต่อลิตร

    คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Three-speed พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้สามโหมด Eco, Standard และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 80 กิโลเมตร และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel รวมถึงการส่งมอบรุ่นที่เปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปีทั้ง MG Cyberster กับ MG Maxus7 เริ่มส่งมอบเดือนกรกฎาคม MG4 Electric รุ่นท็อป V  วิ่งไกล​ 540 กม. ราคา 889,900 บาท ส่งมอบตั้งแต่มิถุนายน

    Mitsubishi : Mitsubishi X Force HEV

    Mitsubishi

    ค่ายทรีไดมอนด์เเสริมทัพส่ง Mitsubishi X Force Sub Compact SUV พร้อมแนวคิด Best-suited buddy for an exciting life หรือคู่หูที่จะให้ความตื่นเต้นความเร้าใจตลอดการเดินทาง ด้วยพลัง Hybrid MIVEC แบบ e:MOTION ประจำการ ขนาด 1.6 ลิตร รหัส 4A92 95 แรงม้า แรงบิด 134 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร พ่วงแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนตอบสนองด้วยอัตราเร่งรวดเร็วและทรงพลังเน้นทั้งความเงียบที่มากขึ้นและประหยัด

    พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 7 โหมด 7 DRIVE MODE ปรับโหมดการขับขี่เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับทุกจุดหมายอย่างไร้กังวลท้ัง NORMAL (ถนนทั่วไป), WET (ถนนเปียก), GRAVEL (ถนนลูกรัง), TARMAC (ถนนลาดยาง), MUD (ถนนโคลน),CHARGE (โหมดการชาร์จ), EV PRIORITY (โหมดพลังงานไฟฟ้า 100%) มีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและขวาออกแบบให้สามารถเรียกแรงบิดให้กระจายกำลังไปยังล้อทั้งสี่ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือที่เรียกว่า Active Yaw Control (AYC)

    NETA : NETA X

    มิถุนายนนี้ะพบกับ NETA X เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นใหม่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent magnet synchronous motor พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 72.8 kWh จาก CATL ให้กำลังถึง 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาทีโดยชาร์จช้า AC นั้นจาก 20-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าชาร์จเร็ว DC 30-80% จะใช้เวลา 30 นาที  ความปลอดภัยด้วยวระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ L2 intelligent driving assistant โดยจะเปิดราคาในไม่เกิน 1 ล้านบาท

    Nissan : Nissan Navara MY2024 

    Nissan ปีนี้เตรียมพบกับ Nissan Navara ที่คาดว่าจะเป็นการปรับออปชัน ปรับความเท่ในร่างเดิมพร้อมพลังเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร 190 แรงม้า มาตรฐานใหม่ EURO5 และแว่วๆว่าจะได้ใช้คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ยกมาจาก Nissan TERRA

    Peugeot : Peugeot 2008 Facelift

    Peugeotลุ้นกันว่าทางโรงงานมาเลเซียจะสามารถเปิดไลน์รุ่นปรับโฉมของ Peugeot 2008 หรือไม่ถ้าเปิดไทยก็ได้ประโยชน์เต็มๆและพร้อมที่จะเปิดตัวท้าชนคู่แข่ง

    Riddara : Riddara RD6

    RIDDARA RD6

    กระบะรุ่นใหม่ในเครือ GEELY ได้เปิดไลน์การผลิตตั้งแต่ปีกลายเพื่อทำตลาดทั่วโลกทั้งแบบพวงมาลัยซ้ายและขวากับ RIDDARA RD6 หน้าตาเดียวกับ RADAR RD6 ที่ขายจีน​ เพียงแต่เปลี่ยนโลโก้เป็นแบรนด์  บนขอบฝากระโปรงในร่างกระบะไร้กระดูกหรือ Unibody จากพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA)

    ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 384 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที โดยแบ่งเป็นรุ่นความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบบ LFP 63 kWh และ 73 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC 385 กิโลเมตร สำหรับรุ่น 63 kWh RWD และ 450 กิโลเมตรสำหรับรุ่น 73 kWh RWD ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 7 kW 20-100% ภายใน 7.9 ชั่วโมง

    และรุ่นความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP 73 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร ล้อหลังให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 384 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 428 แรงม้า แรงบิด 595 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC  423 กิโลเมตร ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 32 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 7 kW 20-100% ภายใน 11 ชั่วโมง พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อ โดยมาไทยปลายปีนี้

    Toyota : Toyota Camry x Toyota Yaris ATIV HEV  x Toyota Majesty

    Toyotaปีนี้ค่ายรถสามห่วงทุ่มสุดตัวกับการเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่นประเดิมด้วยไฮไลต์เด็ดหลังปล่อยให้ Honda Accord e:HEV เริงร่ากับยอดขายเกือบครึ่งพันคันต่อเดือนปีนี้ส่ง Toyota Camry เจเนอเรชันที่  9 ใหม่หมดทั้งคันด้วยเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร ทั้งไฮบริดและเบนซินล้วนเริ่มที่ Dynamic Force Engine รหัส A25A-FKS พร้อม VVT-iE วาล์วแปรผันอัจฉริยะควบคุมด้วยไฟฟ้า กำลังสูงสุด 209 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-8AT

    และเบนซินไฮบริด VVT-IE รหัส A25A-FXS 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ นิกเกิลเมตัลไฮดราย โดยให้กำลังรวม 211 แรงม้า แรงบิด 221 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVTพร้อม Sequential Shift ช่วงล่างพัฒนาใหม่ปรับในส่วนโช้คอัพและปรับแต่งส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อการขับขี่ที่นุ่มเกาะโค้งเยี่ยมแต่มีความเป็นไปได้สูงที่จำหน่ายแค่ไฮบริดอย่างเดียว

    เก๋ง B-Car อย่าง Toyota Yaris ATIV ที่ยังต้องส่งมอบกันต่อไปอาจเพิ่มทางเลือกกับขุมพลัง Hybrid 1.5 ลิตรเสริมทัพเบนซิน 1.2 ลิตร และการกลับมาของ รถตู้หรู Toyota Majesty ขายอีกครั้งในวันที่ 13 พฤษภาคม

    VINFAST

    VINFASTหลังจากโชว์ตัวอย่างเป็นทางการกับยานยนต์แดนเหงียนนั่นก็คือ VINFAST เตรียมที่จะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในกลุ่มอาเซียนถึงสี่รุ่นได้แก่ VINFAST VF 5 เก๋งท้ายตัดทรงเล็ก, VINFAST VF 6 ซับคอมแพ็คเอสยูวี, VINFAST VF 7 คอมแพ็คเอสยูวี และ VINFAST VF e34 ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การตลาดระดับภูมิภาคของ VINFAST ในการพัฒนายานยนต์ต่อสายตาชาวโลก นอกจากนี้ยังแสวงหาพันธมิตรรายใหม่ในกลุ่มอาเซียนที่สนใจเพื่อขยายตลาดและส่งเสริมโซลูชั่นที่ยั่งยืน น่าจับตาแล้วว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ VINFAST สนใจจะมาลงทุนขายหรือไม่ต้องติดตาม

    Volvo : Volvo EX90

    Volvo

    หลังเผยโฉมแบบ Sneak Preview ที่งาน Motor Expo 2022 และต้องเลื่อนเปิดตัวไปในปี 2023 ปีนี้คงได้พบกับ Volvo EX90 เอสยูวีไฟฟ้า ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) ดีไซน์ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆของ Volvo ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 111 kWh แรงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร และมีรุ่นแรง Performance 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 600 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 4.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW พร้อมระบบ LiDAR หรือ Light Detection and Ranging ระบบตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็ว ประกอบด้วย รวมถึงกล้องแปดตัว เรดาร์ 5 ตัว เซนเซอร์อัลตราโซนิก 16 ตัว และเซนเซอร์ของระบบ LiDAR ตรวจจับคนเดินถนนด้วยระยะไกลสูงสุด 250 เมตร

    WULING : WULING BINGUO EV x WULING Cloud EV
    WULING

    พฤษภาคมนี้ EV Primus พร้อมที่จะเปิดตัว WULING BINGUO EV ในราคาเริ่มต้น 500,000 บาท มาขายสองรุ่นย่อยทั้งรุ่น Standard Range 333AC และ Standard Range 333DC ด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนมาแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้ความจุแบตขนาดใหญ่ lithium ferro-phosphate (LFP) 31.9 kWh ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    วิ่งได้ไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 333 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC โดยในรุ่น Standard Range 333DC รองรับการชาร์จกระแสตรง DC ซึ่งใช้ระยะเวลาการชาร์จจากแบตเตอรี่จาก 30-80% เพียง 30 นาที อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 7kw ที่จะชาร์จไฟเต็มในเวลา 4.5 ชั่วโมง

    Wulingมาพร้อมโหมดการขับขี่เลือกได้ถึงสี่โหมดทั้ง ECO, ECO +, Sport, และ Normal และเกียร์อัตโนมัติ Single Reduction Gear และลุ้นกันว่าปลายปีนี้จะมี WULING Cloud EV เข้ามาขาย ตามแผนภายในสามปีข้างหน้าจะมีรถใหม่ไม่ต่ำกว่าสามรุ่นขยายฐานกลุ่ม Compact และ City EV

    XPENG : XPENG G6

    XPENG

    Ultra Smart Coupe SUV ทรง Fastback ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจากนักเขียนนิยายไซ-ไฟ (Sci-Fi) ด้วยหน้าตาทันสมัยโดยเวอร์ชันขายไทยมาพร้อมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดัน 800 โวลต์ มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้ความเร็วสูงสุด 202 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงม้าสูงสุด 297 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร รองรับ Super-fast charge DC โดยชาร์จไฟจาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 20 นาที รองรับกำลังไฟสูงสุด 280 kW และถ้าชาร์จ DC ภายใน 10 นาที วิ่งได้ไกล 300 กิโลเมตร (CLTC) พร้อมชาร์จปกติ AC ได้

    แบ่ง 2 รุ่นย่อย คือ Standard Range จากความจุแบตเตอรี่ (LFP)  66 kWh ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 580 กิโลเมตร ตามาตรฐาน CLTC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.9 วินาที และรุ่น Long Range จากความจุแบตเตอรี่ (NMC)  87.5 kWh ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ไกลสุด 755 กิโลเมตร ตามาตรฐาน CLTC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.7 วินาที ทั้งคู่มาพร้อมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า 220V ให้อุปกรณ์ภายนอก V2L

    แต่ไร้เงารุ่น 700 4WD Performance มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 2 ตัว พละกำลังสูงสุด 487 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบตเตอรี่ 800V Technology (NMC) ขนาด 87.5 kWh วิ่งระยะทางสูงสุด 700 กิโลเมตร (CLTC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที ขายตั้งแต่ไตรมาสที่สอง

    ZEEKR : ZEEKR X x ZEEKR 009

    ZEEKR

    ZEEKR X เอสยูวีตัวเล็กหน้าตาออกแบบสไตล์หรูโดยออกแบบที่เมืองโกเธนเบิร์ก สวีเดน ออกแบบโดย Stefan Sielaff มาพร้อมพลังไฟฟ้าจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ nickel-cobalt-manganese 66 kWh มีให้เลือกถึงสองรูปแบบเริ่มที่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังถึง 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตรวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จทำได้ 440 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.6 วินาที

    รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังถึง 428 แรงม้า แรงบิด 543 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จทำได้ 400 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที ทั้งคู่ชาร์จได้สองรูปแบบทั้ง DC กระแสตรง รองรับกำลังการชาร์จ 150 kW ภายใน 28 นาที เพิ่มระยะทาง 530 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในรุ่น RWD และ 510 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรุ่น AWD และชาร์จกระแสสลับ AC  รองรับการชาร์จสูงสุด 22 kW ภายใน 3.30 ชั่วโมง ขายไทยช่วงไตรมาสที่สองหรือไตรมาสที่สาม

    ZEEKR

    และ ZEEKR 009 เอ็มพีวีหรูขุมพลังไฟฟ้าจะมีเฉพาะรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นให้กำลังถึง 544 แรงม้า แรงบิด 686 นิวตันเมตร ซึ่งต่างจาก Volvo EM90 ที่เป็นขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมีด้วยกันถึงสองทางเลือก

    เริ่มที่รุ่น WE Edition มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ Lithium Nickel Manganese Cobalt Pack จาก CATL ขนาด 116 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 702 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC และรุ่นท็อปสุด  ME Edition มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ Lithium Qilin battery pack จาก CATL ขนาด 140 วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 822 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC

    ทั้งคู่สามารถชาร์จกระแสตรง DC ระดับ 10-80% ภายในเวลา 28 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC โดยให้อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ และโช้คถุงลม Air Suspension สามารถลดความสูงของตัวรถได้ และขายช่วงเดียวกับ ZEEKR X

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts