นอกจากเปิดตัว Mercedes-AMG G63 แล้วยังมีรถแรงอีกรุ่นกับ Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ ยนตรกรรมเรือธงในตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 ของแบรนด์
Mercedes-AMG GT63 4MATIC+ ในครั้งนี้กลับมาเปิดตัวในประเทศไทยด้วยรหัสตัวถัง C192 ออกแบบในร่างคูเป้ 2 ประตู
ดีไซน์ภายนอกมีลักษณะตัวถังแบบ Wide Body ด้วยมิติความกว้างถึง 2 เมตร สะท้อนดีเอ็นเอของรถมอเตอร์สปอร์ตที่ขับขี่ได้จริง ติดตั้งกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille with V8 Exterior Styling Package และไฟหน้า DIGITAL LIGHT พร้อมล้อขนาด 20 นิ้ว และยางหน้า 295/30 R20 และยางหลัง 305/30 R20
ในส่วนของดีไซน์ภายใน มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX7 กับหน้าจอตรงกลางขนาด 11.9 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส และสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า 12° ถึง 32° พร้อมหน้าจอ Driver’s display ขนาด 12.3 นิ้ว แบบ AMG-specific indicators พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel และเบาะหลังที่พับพนักพิงได้ในรถยนต์แบบ 2+2 ที่สามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
ภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Bi-Turbo และติดตั้งในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์แบบ hot inside “V” ทำให้เครื่องยนต์สามารถสร้างพละกำลังได้สูงถึง 585 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 800 นิวตันเมตรที่ 2,350-5,000 รอบต่อนาทีในรหัส M177
ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยรถรุ่นนี้ได้ถูกปรับแต่งระบบควบคุมเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะและการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมระบบอัดอากาศให้เหมาะสมตามการขับขี่ และตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยลายเซ็นของผู้ประกอบที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของ AMG
ติดตั้งระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sport Transmission ที่สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ตอบสนองทุกรูปแบบการขับขี่ และเปลี่ยนเกียร์ได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที พร้อมสมรรถนะการขับขี่ในสนามแข่งที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบทั้งระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างลงตัว รวมถึงระบบ RACE START ในจังหวะออกตัวเพื่อการทำอัตราเร่งที่ดีที่สุด
ขณะที่ระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ถูกปรับจูนมีให้การตอบสนองการใช้งานให้สามารถเข้าโค้งได้ปลอดภัยและรวดเร็วโดยไม่เสียการควบคุม ด้วยการกระจายกำลังที่สั่งการจากระบบต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและแม่นยำตามสถานการณ์ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้ดีที่สุด รวมถึงเบรกสมรรถนะสูงที่ออกแบบโดย Mercedes-AMG ที่มาพร้อมระบบเบรกแบบ Sports Braking System และช่องระบายอากาศเพื่อลดอุณหภูมิของเบรกเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง
สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ด้วยระบบช่วยเหลือการควบคุมการเลี้ยวล้อหลังแบบ AMG Rear-Axle Steering โดยระบบจะทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ด้วยการใช้ล้อหลังเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกันกับล้อหน้า ไม่เกิน 0.7° หากต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเลี้ยวตรงกันข้ามกับล้อหน้า ไม่เกิน 2.5°
ส่วนช่วงล่างติดตั้งระบบ AMG RIDE CONTROL Sports Suspension รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเพื่อความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง โดยผู้ขับขี่สามารถปรับระบบการทำงานของช่วงล่างได้มากถึง 3 ระดับ ได้แก่ Comfort, Sport และ Sport+ ระบบจะช่วยปรับบุคลิกของช่วงล่างให้เป็นไปตามโหมดที่ผู้ขับขี่เลือกใช้ ผ่านหน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง หรือปุ่มบริเวณพวงมาลัย
เติมเต็มประสบการณ์แห่งความสปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound โดยระบบจะแสดงเสียงภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง สามารถถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ได้อย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG
ผู้ขับขี่สามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Sporty, Discreet (BALANCED), Motorsporty และ Emotive (POWERFUL) สามารถเลือกโหมดผ่านระบบปรับรูปแบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT โดยในโหมด S และ S+ จะสามารถถ่ายทอดพลังเสียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package ที่รวมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และกล้องรอบคัน 360 องศา ที่จะแสดงภาพมุมมองรอบทิศทางแบบ Real-time เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้
Mercedes-AMG GT63 4MATIC+ วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีเหลือง (Sun Yellow) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (High-tech Silver) สีเทา (Selenite Grey) สีน้ำเงิน (Spectral Blue) สีขาว (MANUFAKTUR Opalite White Bright) และสีแดง (MANUFAKTUR Patagonia Red Bright)