SAIC เจ้าของแบรนด์ MG ประกาศเปิดตัวและเปิดราคาอย่างเป็นทางการสำหรับ MG ES5 เอสยูวีคอมแพ็คพลังอีวีล้วนประเดิมที่มืองจีนที่แรกของโลก
MG ES5 มาแทน MG ZS EV สร้างจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน MSP (Modular Scalable Platform) ออกแบบมาโดยเฉพาะกับรถไฟฟ้า
ภายนอกออกแบบคล้าย MG9 EV ด้วยกระจังหน้าทรงทึบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ทรงเรียบง่าย ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED กันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากาศแบ่ง 2 ฝั่งคล้าย MG CYBERSTER ประดับด้วยคิ้วชายล่างสีดำใต้กันชนหน้า
ด้านข้างเท่ด้วยราวหลังคาสีเงินดีไซน์บิ๊วอินน์พร้อมพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ กรอบกระจกส่วนบนตกแต่งโครเมียมกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ ที่เปิดประตูดีไซน์หรูแบบดึงก้าน คิ้วชายล่างประตูสีดำกับสีเงินทรงหรู
ไฟท้าย LED แนวยาวคาดด้านท้ายพร้อมตรา MG และยังสามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 17 พร้อมยาง 225/55R17 กับ 215/60R17 ใหญ่สุด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55R18 มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,476 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,849 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,621 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,730 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถคาดว่าอยู่ที่ 1,615-1,740 กิโลกรัม
ภายในทันสมัยไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอมาตรวัดความเร็วสี TFT 10.25 นิ้ว และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วชัดแบบ 2.5K HD รวบรวมการทำงานของแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto พร้อมลำโพง 4 กับ 6 จุด
ช่องเสียบ USB-C 2 จุดหน้า และ 1 จุดหลัง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ Zebra Smart System ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถ รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด D-shape มีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัวพร้อมหัวเกียร์หุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start ชองเสียบ USB Type-C เบรกมือไฟฟ้า
เบาะนั่งคู่หน้ามีทั้งแบบปรับดวยไฟฟ้าและปรับธรรมดาโดยด้านคนขับปรับ 6 ทิศทางและด้านคนนั่งปรับ 4 ทิศทางเบาะหลังพับได้ 60/40 มีพื้นที่การขนของมากถึง 1,423 ลิตรกรณีพับเบาะและถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 462 ลิตร และ NVH LUXURY SILENCE SPACE เพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร
ขุมพลังแบบไฟฟ้าล้วนมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงถึง 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร รุ่น TZ180XS0951 จากทาง United Automotive Electronics
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มาจากบริษัทร่วมทุนของ SAIC กับ CATL เด่นด้วยความหนาของตัวแบต 110 มิลลิเมตร เป็นแบตที่บางสุดในโลกให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 8 วินาทีมี 2 ทางเลือกเริ่มที่
- รุ่นความจุแบตเตอรี่ 49.1 kWh ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) 425 กิโลเมตรโดยชาร์จกระแสงตรง DC 30-80% ภายใน 26 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8.5 ชั่วโมง
- รุ่นความจุแบตเตอรี่ 62.2 kWh ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จ (CLTC)ทั้ง 515 และ 525 กิโลเมตร ชาร์จกระแสงตรง DC 30-80% ภายใน 21 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 11.5 ชั่วโมง
รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW พร้อม One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) พร้อมระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อโดยด้านหลังมาแบบอิสระแบบ 5 จุดหรือ 5 Link
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)และความปลอดภัย ADAS หรือ MG Pilot รอบคันได้แก่
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKA (Lane Keeping Assist)
- เตือนออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ช่วยเหลือความเร็วอัจฉริยะ ISA (Intelligent Speed Assist)
- เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
นอกจากนี้เสริมอุปกรณ์ความปลอดภัยอาทิจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยรอบคัน กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor)
สัญญาณเตือนระยะการจอดรถ กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
MG ES5 มีด้วยกันถึง 5 รุ่นย่อย 7 สีภายนอกมาในราคาปกติ 116,900–146,900 YUAN หรือราว 559,000-705,000 บาทช่วงแนะนำมีราคาพิเศษเริ่ม 99,900–129,900 YUAN หรือราว 479,000-624,000 บาท
ที่มา AUTOHOME