MG จ่อบุดตลาดรถอีวีหรูด้วยการส่งแบรนด์ MG IM ออกขายกันถึง 2 รุ่นที่ออสเตรเลียทั้ง MG IM6 และ MG IM5 ซีดานท้ายลาดทรงสปอร์ต
MG IM5 หรือ IM L6 ยกพื้นฐานมาจาก MG IM6 หรือ IM LS6 จับโหลดเตี้ยให้กลายเป็นเก๋งซีดานท้ายลาด 5 ประตูออกขายจีนตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพัธ์ 2024 ไซซ์คอมแพ็ค
หน้าตาคล้ายกันแต่ปรับบุคลิกให้แตกต่างตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบดีไซน์ใหม่ออกแบบคิ้วชายล่างต่อเนื่องชิ้นเดียวรวมถึงคิ้วมุมกันชนหน้าซ้าย-ขวารูปตัว C ไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED รูปตัวแอลมาแบบรมดำ
ด้านข้างเท่ด้วย หลังคากระจกพาโนรามิก กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวกระจกรถแบบไร้กรอบ Frameless แบบโอเปร่า ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle) คิ้วชายล่างประตูสีดำ
ไฟท้าย LED รมดำดีไซน์รูปตัวเอยาวจากซ้ายไปขวารับกับฝาท้ายมีสปอยเลอร์ในตัวพร้อมฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ เตะเปิดอัตโนมัติ ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว ขนาดยางหน้า 245/40 R20 และขนาดยางหลัง 275/30 R20 จาก PIRELLI P-ZERO มิติตัวรถมีขนาดต่างจากรุ่น IM6 พอสมควร ตั้งแต่
- ความยาว 4,931 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,474 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 120-135 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,190-2,280 กิโลกรัม
- ที่จุสัมภาระด้านหน้า 18 ลิตร
ภายในคล้ายกับรุ่น IM6 ดีไซน์เรียบง่ายมีจอลอยตัวขนาดใหญ่แบบ Intelligent Immersive Touch Screens 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลรวมกันขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ เชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด
ดีไซน์คอนโซลหน้าเน้นความเรียบหรูด้วยวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ รองรับการชาร์จ แบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger) ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด
Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ให้ความนุ่มนวลและสบายในทุกที่นั่งด้วยเบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง พร้อมสัมผัสพรีเมี่ยมโดยหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่
เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ 60:40 พื้นที่สัมภาระด้านท้ายมีความจุ 457 ลิตร และ 1,290 ลิตรกรณีพับเบาะพร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตรและเบาะนั่งหน้าฝั่งคนนั่งปรับไฟฟ้าเอนเบาะได้สุด 121 องศาและพนักพิงเบาะนั่งหลังเพิ่มมุมอีก 19-37 องศา
เพิ่มเติมความพิเศษด้วย IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์เฉพาะจาก SAIC เพื่อครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานรถอย่างแท้จริง
มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 800V SiC Platform กับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh เริ่มที่รุ่น Platinum RWD เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้พละกำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.6 วินาที สามารถวิ่งได้ระยะทางต่อต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 755 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 655 กิโลเมตร (WLTP) ทำความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนรุ่น Platinum AWD เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้พละกำลังสูงสุด 572 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร จากมอเตอร์ด้านหน้า 272 แรงม้า แรงบิด 302 นิวตันเมตร มอเตอร์ด้านหลัง 506 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 2.74 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทาง 625 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC) หรือ 575 กิโลเมตร (WLTP)
ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30-80% ใช้เวลาน้อยกว่า 15.2 นาที รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 kW มีโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco/Comfort/Sport/Snow/Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน
มีระบบ Cooling system สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที พร้อม ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 2 ระดับ และ Vehicle to Load (V2L) เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW
รัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน จาก Continental ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมระบบถุงลม และด้านหลังแบบอิสระ Multi-Link พร้อมระบบถุงลมสำหรับรุ่น Platinum AWD
ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลน มีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
พร้อมช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่
มั่นใจในทุกเส้นทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยด้วย ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM
ซึ่งรวมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซน์เพื่อรองรับ EURO-NCAP
- ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่
- ช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist)
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- แจ้งเตือนความเร็วอัตโนมัติ SLF (Speed Limit Information Function)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้าและหลัง ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมการ์ด NFC สำหรับแปะเพื่อล้อคและปลดล็อคตัวรถ
MG IM5 จากแบรนด์ IM Motors แบรนด์ที่มาจากการร่วมทุนของ SAIC Motor, Alibaba และ Shanghai Zhangjiang Hi-Tech Park Development เตรียมขายออสเตรเลียภายในปี 2025 คาดก่อนช่วงสิ้นปีนี้และลุ้นมาไทยอาจเป็นช่วงปี 2026