ใกล้จะเปิดตัวแล้วสำหรับกระบะรุ่นแรกของค่ายที่ทำตลาดที่ออสเตรเลียเป็นครั้งแรกอย่าง MG U9 กระบะพลังดีเซลเทอร์โบ

MG U9 กระบะพื้นฐานเดียวกับ MAXUS STAR X หรือ MAXUS TERRON 9 หรือ LDV TERRON 9 เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่งาน Melbourne Motor Show 2025 ที่ผ่านมาในร่าง 4 ประตู Double Cab
ภายนอกหล่อ
แค่เปลี่ยนตราโลโก้เป็น MG พร้อมเสริมคิ้วโครเมียมที่ขอบฝากระโปรงหน้าที่หนา ไฟหน้า LED ในโคมขนาดใหญ่ในแนวตั้ง กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบรังผึ้งรมดำรับกับกันชนหน้าทรงทรหด ด้านข้างแกร่งด้วย ราวหลังคาดีไซน์กลมกลืนกับหลังคารถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูดึงก้าน ซุ้มล้อทรงเหลี่ยม และบันไดข้าง
ไฟท้าย LED แบบยูคว่ำพร้อมฝาท้ายแปะตรา MG พิเศษ!! พื้นที่บรรทุกภายในกระบะยาวถึง 2,600 มิลลิเมตรด้วยการใช้ฟังก์ชัน Multi-Flex MIDGATE กระบะท้ายเปิดทะลุไปจนถึงห้องโดยสารด้านหลัง พร้อมพื้นที่กระบะท้ายใหญ่ตั้งแต่ความยาว 1,561 มิลลิเมตร กว้าง 1,600 มิลลิเมตร สูง 520 มิลลิเมตร
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R18 ทั้งแบบ H/T และ A/T ขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 275/60R19 และขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 275/55R20 โดยมาในร่างกระบะทรงใหญ่ตั้งแต่
- ความยาว 5,500 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,045 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,874 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,300 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 220 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,450-2,550 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

ภายในให้มาครบ
เริ่มที่จอคู่ที่รวมการทำงานทั้งมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้วพร้อมระบบปฏิบัติการ Tencent TAI 4.0 พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัด พร้อมเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งโดยฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมอุ่นเบาะและนวดได้ เบาะนั่งคู่หน้าปรับเอนเป็นเตียงนอนอเนกประสงค์ความยาว 170 เซนติเมตร ลำโพงรอบคันจากแบรนด์ JBL 8 จุด และที่ชาร์จมือถือไร้สาย 50W ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light 64 สี

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบใหม่
SAIC πPlus ขนาด 2.5 ลิตร รหัส SC25TA ให้กำลังมากถึง 222 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ให้ประสิทธิภาพในรอบต่ำที่ดีขึ้นและยังปรับปรุงระบบควบคุมการสั่นสะเทือนและเพิ่มเสียงรบกวนได้ดีอีก
ให้ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF พร้อมโหมดการขับขี่ 8 โหมดทั้ง Eco, Normal, Sport, Mud, Snow, Sand, Tow และ Custom

เพิ่มพลังลุยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time with Terrain Selection 4WD พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายแบบกลไก 3 ตัว differential lock ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,320 กิโลกรัม ระยะมุมเงย Approach Angle 28-29 องศา ระยะมุมจาก Departure Angle 25 องศา และ ระยะมุมคร่อม Maximum Climbing Angle 31 องศา
พวงมาลัยไฟฟ้า Electric Power Steering (EPS) ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับทั้ง Standard, Sport, Comfortable ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแบบปีกนกคู่และด้านหลังอิสระมัลติลิงก์
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS L2
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Centering Assist (LCA)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Assist (LKA)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน Emergency Lane Keep Assist (ELKA)
- ควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Cruise Assist (ICA)
- ช่วยเหลือความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limit Assist (SAS)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection (BSD)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ช่วยเบรกขณะถอย Rear Collision Warning (RCW)
- ตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่ Driver Monitor System (DMS)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู Door Open Warning (DOW)
- แจ้งเตือนผู้ขับขี่ถึงจำกัดความเร็วปัจจุบัน Speed Limit Information Function (SLIF)
- เตือนความเมื่อยล้า Fatigue Reminder

ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake-force Distribution (EBD) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Electronic Brake Assist (EBA) ป้องกันการพลิกคว่ำ Roll Movement Intervention (RMI)
ควบคุมการทรงตัว Electronic Stability Program (ESP) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Vehicle Dynamics Control (VDC) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีควบคุมการลื่นไถล Traction Control System (TCS) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist System (HAS) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยตรงกลางเบาะหน้า กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้าและหลัง

MG U9 เปิดราคาจำหน่ายอยู่ที่ $52,990-$60,990 หรือราว 1,129,000-1,299,000 บาท ในราคารวมค่า drive-away ระดับราคาจะแพงกว่าฝาแฝด LDV TERRON 9 ขาย 3 รุ่นย่อยทั้งรุ่นพื้นฐาน รุ่น Explore X และรุ่น Explore Pro ส่งมอบปลายปีนี้
พร้อมวาดฝันเป็นอันดับ 3 ที่ยอดขายสูสีกับ Ford Ranger และ Toyota HILUX โดยมีการเปิดรับจองล่วงหน้าหรือ Pre-Order ส่วนเมืองไทยจับตาว่าจะหวนกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งสำหรับ MG ภายใต้ชื่อ MG Extender หรือไม่ต้องติดตาม










