More

    เปิดโผรถใหม่…จ่อเข้าไทยครึ่งปีหลัง 2025

    ตลาดรถยนต์ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปี 2025 กลับมาสดใสอีกครั้งจากงาน Motor Show กระตุ้นยอดขายแม้มรสุมหลากหลายต่างรุมเร้ากระทยอดขายรวมไปบ้าง

    Car

    ยอดขายรถใหม่เมืองไทยสะสม 5 เดือน ทำได้ 252,615 คัน ลดลง 3.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 98,086 คัน ลดลง 3.4% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 154,529 คัน ลดลง 2.7% และรถกระบะขนาด 1 ตัน รวม PPV ยอดขายทั้งหมด 78,091 คัน ลดลง 14.9%

    ปัญหาในประเทศที่ลากมาตั้งแต่ปีกลายทั้งปัญหาเงินเฟ้อ ราคาพืชผลการเกษตร งานจากภาครัฐ การเมืองที่ยังไม่เสถียร การมาของรถยนต์ไฟฟ้าสงครามลดแลกแจกแถม ความเข้มงวดของเหล่าสถานบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อยากขึ้นเพราะหนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงปัจจัยภายนอกทั้งสงคราม ราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกผันผวน

    สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2025 ค่ายรถยนต์ชั้นนำสั่งลุยส่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดทั้งรถยนต์ขุมพลังสันดาป ขุมพลังลูกผสม และขุมพลังไฟฟ้าล้วนประกอบในประเทศตามนโยบายภาครัฐ โดยจะเปิดตัวรถตั้งแต่งาน Fast Auto Show, Big Motor Sale งานใหญ่ส่งท้ายปีอย่าง Motor Expo ทั้งแบบเปิดตัวครั้งแรก เปิดตัวก่อนหน้างานพร้อมส่งมอบเพื่อช่วยผลักดันให้ยอดขายรุ่งโรจน์ฟื้นจากความซบเซาจากปีกลายให้ถึงเป้ารวมทั้งปี 530,000 คัน ได้หรือไม่ เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถใหม่ที่จะเปิดตัวครึ่งปีหลังนี้ เริ่มด้วย

    AION : GAC M8 PHEV, AION Y Plus CKD, AION V CKD

    ครั้งแรกของค่าย AION ที่นำขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดวิ่งได้ไกลสูงสุดกว่า 1,000 กิโลเมตรมาประจำการในเอ็มพีวีหรูว่าที่ Alphard Killer อย่าง GAC M8 PHEV ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร TGDI ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร

    จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไออออนขนาด 25.5 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 373 แรงม้า แรงบิดรวม 630 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 106 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.8 วินาที

    พร้อมความสบายแบบ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat แบบ Zero Gravity ออกแบบตามสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น เบาะเย็นควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen LCD 5 นิ้ว จ่อมาไทยคาดช่วงเดือนกรกฎาคม

    AION Y Plus

    รวมถึงเวอร์ชันประกอบไทยของ AION Y Plus คาดว่ายังคงใช้ขุมพลังไฟฟ้าวิ่งไกลสุด 490 กิโลเมตรต่อชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC จะมาหรือไม่? และมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า AION V จะมีเวอร์ชันประกอบไทยด้วย

    BMW : 2 Series Gran Coupé, iX1 L

    BMW

    อีกหนึ่งรุ่นที่ทำยอดขายดีในค่ายกับการมาของเก๋งไร้กรอบเจนใหม่ BMW 2 Series Gran Coupé รหัส F74 สร้างจากแพลตฟอร์ม BMW UKL2 platform เป็นรุ่น 220 M Sport พกพลังเบนซินเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส B48B20A 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตันเมตรออกมาทำตลาด

    BMW

    และอีกรุ่นกับ BMW iX1 L ที่นำพื้นฐานของรุ่น iX1 หรือ X1 มาขยายความยาวตัวรถจากเดิม 116 มิลลิเมตร และขยายฐานล้อยาวอีก 108 มิลลิเมตร พร้อมด้วยหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ กับขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบ eDrive technology เจนที่ 5 ด้วยความจุแบตเตอรี่ 66.4 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ให้กำลังมากสุด 204 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 430-475 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP หรือ 506-559 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 8.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้ง 2 รุ่น เตรียมเปิดตัวในไทย 3 กรกฎาคม

    BYD : SEAL 5 DM-i

    BYD

    BYD SEAL 5 DM-i หรือ BYD KING DM-i หรือ BYD Destroyer 05 DM-i  คือชื่อรุ่นที่ทำตลาดในแต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็นฟิลิปินส์ อเมริกาใต้ และจีนในร่างเก๋งคอมแพ็คมาพร้อมขุมพลังเป็นแบบเบนซิน Plug In Hybrid DM-i super hybrid ขนาด 1.5 ลิตร  ให้กำลัง 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตรจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent magnet synchronous ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    วิ่งไกลในโหมดอีวี 115 กิโลเมตร (NEDC) ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะได้ความแรง 238 แรงม้า แรงบิด 324 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.3 วินาที และวิ่งไกลทั้งระบบ 1,240 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยจะเปิดตัวในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้

    CHERY : CHERY V23, CHERY TIGGO 7 CSH, CHERY TIGGO 8 CSH, CHERY TIGGO Cross

    iCAR

    การกลับมาของแบรนด์แม่ของ OMODA&JAECOO อย่าง CHERY ที่งานนี้ใจปล้ำเปิดตัวรถใหม่มากถึง 4 รุ่น ภายในปีนี้ เริ่มที่ CHERY V23, CHERY TIGGO 7 CSH, CHERY TIGGO 8 CSH, CHERY TIGGO Cross พร้อมกับผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจาก CHERY นั้นเตรียมขยายเครือข่ายและศูนย์บริการ 30 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ ไฮไลท์ของแบรนด์มีดังนี้

    CHERY V23 หรือ iCAR V23 เอสยูวีทรงกล่อง BOXY พกขุมพลังประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Qida Permanent magnet Motor พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 0.5 ชั่วโมง และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW

    iCAR

    มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว รุ่น Standard Range ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 59.93 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 401 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 387 กิโลเมตร (NEDC) รุ่น Long Range ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 81.76 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 550 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 531 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport

    รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 75 แรงม้า แรงบิด 112 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง 136 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน ให้กำลังรวม 211 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 501 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 483 กิโลเมตร (์NEDC) พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport, Snow ,Mud, Sand ในระบบ iWD intelligent electric 4-wheel drive 6 โหมด

    มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ 3.3 kW และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใพร้อม ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)

    CHERY

    2 รุ่นจากตระกูล CHERY TIGGO ทั้ง CHERY TIGGO 7 CSH และ CHERY TIGGO 8 CSH มาพร้อมระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH)

    ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด156 แรงม้าและ แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึงระยะทาง 90 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)

    CHERY

    CHERY TIGGO Cross เอสยูวีเล็กมาแปลกกว่ารุ่นอื่นด้วยพลังฟูลไฮบริด 1.5 ลิตร  102 แรงม้า แรงบิด 125 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.837 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากสุด 190 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 10.8 วินาที

    DENZA : Z9

    ประสบความสำเร็จจากรุ่นแรกของค่ายอย่าง DENZA D9 ปีนี้มาลุ้นกันว่าเก๋งใหญ่อย่าง DENZA Z9 จะมาไทยทั้งแบบซีดานและเอสเตท Shooting Brake กับขุมพลังให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัวให้กำลังรวมถึง 965 แรงม้า แรงบิด 1,150 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุ 100 kWh ให้ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 630 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.4 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW 30-80% และชาร์จ AC ได้

    ยังมีขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 299 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร

    ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 38.5 kWh จาก BYD Fin Dreams เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิดรวม 935 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 201 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) ชาร์จ 1 ครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,101 กิโลเมตร (CLTC)

    ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.6 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW 30-80% ชาร์จได้ภายใน 19 วินาที และชาร์จ AC ได้ ประหยัด 17.86 กิโลเมตรต่อลิตรและความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบ ADAS ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบจัดเต็ม

    FORD : Ranger Super Duty

    คาดว่าปลายปีนี้ในงาน Motor Expo 2025 ได้พบกับ Ford Ranger Super Duty กระบะขับสี่สายดุ Wide Body คล้าย Raptor เน้นโหดดุอย่างแท้จริง ด้วยพลังเป็นดีเซล V6 เทอร์โบเดี่ยว ในรหัส BF2S ขนาด 3.0 ลิตร Power Stroke แต่มีการปรับกำลังลงจากเดิม 250 แรงม้า กลายเป็น 209 แรงม้า แรงบิด 600 นิจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case–EMTC) มาแสดงโชว์ก่อนขายจริงปีหน้า

    GEELY : STAR WISH

    GEELY

    GEELY STAR WISH แฮทช์แบก 5 ประตูมาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอัจฉริยะ 11-in-1 ทั้งคู่ให้ความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.9 วินาที มีให้เลือกถึง 2 ความแรง

    เริ่มที่รุ่น Standard Range ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า TZ160XS001 จาก GLB Power ให้กำลัง 78 แรงม้า แรงบิด 130 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ขนาด 30.12 kWh วิ่งไกลตามมาตรฐาน CLTC 310 กิโลเมตร หรือ 299 กิโลเมตร (NEDC)

    รุ่น Extended Range ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า TZ160XS002 จาก GLB Power ให้กำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ขนาด 40.16 kWh วิ่งไกลตามมาตรฐาน CLTC 410 กิโลเมตร หรือ 396 กิโลเมตร (NEDC)

    ทั้ง 2 รุ่นรองรับโดยการชาร์จแบบเร็ว DC ภายใน 21 นาทีจาก 30-80% นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชัน V2L (Vehicle-to-Load) ลุ้นกันว่าคันนี้จะเป็นว่าที่รถใหม่รุ่นที่ 2 ที่จะขายไทยต่อจาก GEELY EX5 และจะขายปลายปีนี้หรือไม่ต้องติดตาม

    GWM : GWM TANK 500 Diesel, GWM POER SAHAR Diesel, WEY 80, GWM HAVAL JOLION

    GWM

    ประสบความสำเร็จจากการนำขุมพลังสันดาปล้วนมาให้คนไทยได้รู้จักกับ GWM TANK 300 Diesel มาแล้วครึ่งปีหลังนี้ยังมีรถใหม่พลังดีเซลอีก 2 รุ่นจ่อคิวเปิดตัวทั้ง GWM TANK 500 กับกระบะ GWM POER SAHAR หัวใจใหม่กับดีเซลเทอร์โแปรผัน 2.4 ลิตร ให้กำลังถึง 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตรจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Intelligent electronically controlled four-wheel drive (two-speed) + MLOCK มีโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal, Eco, Sport, 4L และ 4H สามารถลากจูงได้ 3,500 กิโลกรัม ลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตรเข้ามาตีตลาดเจ้าใหญ่แดนปลาดิบ

    โดย GWM TANK 500 Diesel จะเปิดตัวไทยช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมทันงาน Big Motor Sales 2025 ทางด้าน GWM POER SAHAR Diesel จะมาตามมา

    GWM WEY 80

    รวมถึง GWM WEY 80 จะเข้าไทยปีนี้กับเอ็มพีวีหรูด้วยหลังคาแบบ Sky Dome ตกแต่งด้วยดวงดาวถึง 830 ดวง รวมถึงดาวตกแบบนิ่งและแบบเคลื่อนไหว สร้างโดมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ดูมีชีวิตชีวา แสงนุ่มนวลสลับกับเอฟเฟกต์ฮาโล เพื่อมอบบรรยากาศเฉพาะตัวที่ช่วยให้ผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบเสมือนอยู่ในห้วงอวกาศ

    พร้อมพลังปลั๊กอินไฮบริดเทอร์โบ 1.5 ลิตรได้แรงม้ารวม 458 แรงม้า แรงบิดรวม 644 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งในโหมดไฟฟ้าได้ไกลถึง 170 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ตามมาด้วย GWM HAVAL JOLION HEV ปรับทั้งหน้าและหลังให้สปอร์ตขึ้นกับพลังฟูลไฮบริดได้พลังมากสุด 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ในราคาไม่ถึงล้าน

    HYUNDAI : SANTA FE HEV

    Hyundai

    เจนใหม่เจนที่ 5  โดดเด่นด้วยทรงเหลี่ยม กล้าแตกต่างด้วยแนวคิด “Born in BOXY” โดยนำเข้าจากอินโดนีเซียพกพลังฟูลไฮบริดด้วยเบนซินเทอร์โบ Smartstream G ขนาด 1.6 ลิตร T-GDi Hybrid รหัส G4FT ให้พลัง 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้า ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 264 นิวตันเมตร ที่ 1,600 รอบต่อนาที

    พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.49 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมสูงสุด 235 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดรวม 367 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,400 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด A6MF2H ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 9.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัด 16.67-17.86 กิโลเมตรต่อลิตร เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC All-Wheel-Drive (AWD) มาไทย 15 กรกฎาคม

    ISUZU : D-MAX EV, D-MAX Minor Change, MU-X Improvement

    ISUZU

    หลังจากเปิดสายการผลิตในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ISUZU D-MAX EV ปิกอัพอีวีที่เตรียมขายนอร์เวย์ที่แรกของโลกจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ประเดิมด้วยนอร์เวย์ ส่วนอังกฤษขายปีหน้า ด้านออสเตรเลียกับไทยขึ้นอยู่กับ ความต้องการของตลาดและความพร้อมของสาธารณูปโภคด้านสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเนื่องจากวิธีการใช้งานของลูกค้าแตกต่างกัน โดยลุ้นว่าไทยจะมาโชว์ในงาน Motor Expo พร้อมเปิดราคาขายหรือไม่ต้องติดตาม

    กับขุมพลังด้วยชุดมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time และเฟืองท้ายภายใต้ “eAxle” พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แรงม้ารวมสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดรวม 325 นิวตันเมตร วิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแบบ City Mode 361 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 425 กิโลเมตร (NEDC) และวิ่งไกล 263 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 309 กิโลเมตร (NEDC) ให้ความเร็วสูงสุดมากกว่า 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 66.9 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 10.1 วินาที

    ISUZUปลายปีนี้ลุ้นกว่า D-MAX จะมีการปรับโฉมอีกครั้งหรือไม่หลังปรับหน้าตาใหญ่ Big Minor Change เมื่อเกือบ 2 ปีถ้ามาจริงจะเป็นการปรับโฉมครั้งที่ 3 ในรอบ 6 ปีของเจนนี้ ลุ้นกันว่าออปชันใหม่ทั้งพวงมาลัยไฟฟ้า กล้องมองภาพรอบคัน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย แม้กระทั่งเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รุ่น L-B500 จะมาจุติในรุ่น 3.0 Ddi MAX FORCE หรือไม่ รวมถึงอาจได้เห็น MU-X ปรับออปชันบนหน้าเดิม

    LEAPMOTOR : C16/B10/T03

    LEAPMOTOR

    พระนครออโตโมบิลในเครือ PNA Group ผู้จำหน่าย LEAPMOTOR จากกลุ่ม STELLANTIS อย่างเป็นทางการในไทยเดินหน้าส่งรถใหม่อย่างต่อเนื่อง ถึง 3 รุ่นเริ่มที่

    LEAPMOTOR C16 เอสยูวีหรูรุ่นใหญ่พื้นฐาน LEAPMOTOR C10 ขยายความยาวรองรับความสบายแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง 2+2+2 ตัวรถใหญ่โตสมฐานะกับขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังรหัส TZ220XY008 พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 67.7 kWh เป็นแบต LFP จาก Zenergy ให้กำลัง 292 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 520 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 502 กิโลเมตร

    ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Silicon Carbide แรงดันสูง 800V ชาร์จ DC จาก 30%–80% ใช้เวลาเพียง 15 นาที ชาร์จ AC 30%–80% ใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.37 วินาที

    LEAPMOTOR

    และขุมพลัง EREV มาพร้อมพลังเบนซิน รหัส H15R 1.5 ลิตรให้กำลัง 95 แรงม้าในการปั่นไฟ พร้อมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 28.4 kWh จาก CALB ใช้ในการขับเคลื่อน เมื่อทำงานร่วมกันสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 193 กิโลเมตร (NEDC) และชาร์จหนึ่งครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,095 กิโลเมตร ประหยัดน้ำมัน 16.16 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.46 วินาที ชาร์จ AC 30%–80% ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงและชาร์จ DC จาก 30%–80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที ทั้ง 2 ความแรงคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single speed Gearbox พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Easy/Sport/Custom และความปลอดภัย ADAS

    LEAPMOTOR B10อีกหนึ่งรุ่นกับ LEAPMOTOR B10 เอสยูวีคอมแพ็คพลังอีวีล้วนที่มีขนาดใกล้เคียงกับ BYD ATTO 3 สร้างจากสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ LEAP 3.5 กับขุมพลังไฟฟ้าล้วนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังรุ่น TZ180XS101 จาก Zhuzhou CRRC Times Electric ที่มีกำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตรจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออน LFP ขนาด 56.2 kWh วิ่งไกลสุด 510 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 492 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 418 กิโลเมตร (WLTP) ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 9.3 วินาทีในรุ่นเริ่มต้น

    LEAPMOTOR

    รุ่นท็อปสุดไฟฟ้าล้วนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังรุ่น TZ180XY005 จาก Jinghua Lingsheng Power ที่มีกำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตรจากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออน LFP ขนาด 67.1 kWh วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 579 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 492 กิโลเมตร (WLTP) ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 6.8 วินาที

    มาพร้อมกับระบบ ADAS ที่รองรับฟังก์ชันมากมายถึง 26 ฟังก์ชัน พร้อมสีภายนอกสี ม่วง, เทาอ่อน, ขาว, เงิน, ดำ และเทาเข้ม ส่วนภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทาและสีม่วงเริ่มขายจีนเมษายนนี้และส่งไปขายยุโรปปลายปีนี้

    LEAPMOTORและอีกรุ่นกับ LEAPMOTOR T03 ซิตี้คาร์ทรงกล่อง 5 ประตูประกอบที่โรงงาน Tychy ของ STELLANTIS ประเทศโปแลนด์ตัวรถขนาดที่เล็กกะทัดรัดเริ่มที่ความยาว 3,620 มิลลิเมตร กว้าง 1,652 มิลลิเมตร สูง 1,577 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,400 มิลลิเมตร

    ภายในออกแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอล ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้ากับมาตรวัดความเร็วดิจิทัล TFT ขนาด 8 นิ้ว อยู่ด้านหลังพวลมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว คอนโซลกลางมีเพียงช่องเสียบ USB และ ช่อง Power Outlet และที่วางแก้วน้ำ มาพร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พื้นที่สัมภาระด้านท้าย 508 ลิตร

    LEAPMOTORมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 37.3 kWh ชร์จไฟวิ่งไกลสุด 265 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 312 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการารฺจไฟแบบ DC ที่ให้กำลังไฟจาก 10–80% ในเวลา 36 นาที และความปลอดภัยด้วย ADAS  LEAP Pilot Driver Active Safety Assistance 10 อย่าง ประกอบด้วยกล้อง 3 ตัว เรดาห์ 5 จุด และถุงลมนิรภัย 6 จุด โดยขายที่ยุโรปเริ่ม 18,900 ยูโร หรือประมาณ 715,000 บาท

    จับตา 3 รุ่นใหม่จากค่าย LEAPMOTOR ที่จะมาเผยโฉมที่ไทยปลายปีนี้คาดทันเข้างาน Motor Expo 2025 โดย 3 รุ่นนี้รุ่นไหนมีแนวโน้มที่จะขายจริงจังต้องติดตาม

    Mazda : 6e, CX-60 

    Mazda

    Global Product บุกตลาดทั่วโลกนอกรวมถึงไทยนั่นคือ Mazda 6e  ด้วยขุมไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนล้อหลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Lithium Ternary (NMC) พร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management)ให้ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO/COMFORT/SPORT/CUSTOMIZE ที่มีด้วยกันถึง 2 ทางเลือก

    รุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 68.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 479 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 564 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

    ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 200 kW ได้ในเวลา 22 นาที และชาร์จเร็ว 15 นาที ได้ระยะทางเพิ่มขึ้น 235 กิโลเมตรชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 8 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.6 วินาที

    รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 kWh ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 552 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 649 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสตรง DC 10-80% กำลังชาร์จสูงสุด 95 kW ได้ในเวลา 45 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ในเวลา 9.30 ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.8 วินาที โดยรุ่นเตรียมเปิดตัวในไทยปลายปีนี้

    Mazda CX-60

    และเอสยูวีรุ่นหรู Mazda CX-60 เอสยูวีหรู 5 ที่นั่งใหญ่กว่ารุ่น CX-5 พกพลัง หลากหลายเริ่มที่ ขุมพลังสันดาปล้วน SKYACTIV ดีเซลล้วนเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง SKYACTIV-D 3.3 ลิตร  ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เบนซินล้วน SKYACTIV-G ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร

    ขุมพลัง e-SKYACTIV Mild Hybrid 48 V มีทั้งดีเซลเทอร์โบ e-SKYACTIV D 3.3 ลิตร 6 สูบ 254 แรงม้าแรงบิด 550 นิวตันเมตร เบนซินเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง e-SKYACTIV Turbocharged 3.3 ลิตร 6 สูบ 284 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ทั้งคู่มีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 17 แรงม้าที่ 900 รอบต่อนาทีแรงบิด 153 นิวตันเมตรที่ 200 รอบต่อนาที พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดเล็กสุด 0.33 kWh

    ขุมพลัง Plug In Hybrid e-SKYACTIV มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร 4 สูบ  188 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 175 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความจุ 17.8 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 61-63 กิโลเมตร และทำงานร่วมกันจะได้พลังมากถึง 327 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร

    Mitsubishi : XPANDER HEV Facelift


    Mitsubishi
    ปรับโฉมเป็นรอบที่ 4 แล้วสำหรับ Mitsubishi XPANDER HEV ทั้งรุ่นปกติและรุ่นแต่งลุย XPANDER CROSS HEV ครั้งนี้เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้นด้วยยด้วยถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา รวมถึงระบบ AYC ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ จากเดิมจะอยู่ในรุ่น CROSS ก็จะมาประจำการในรุ่นปกติด้วยจับตาปลายปีนี้จะเปิดตัวหรือไม่ต้องติดตาม

    NISSAN : X-Trail e-Power

    Nissan

    มาเสียทีกับ Nissan X-TRAIL e-Power เจเนอเรชันที่ 4 ในรหัส T33 และรุ่นที่จะเข้าขายนั้นเป็นรุ่นก่อนปรับโฉม มาพร้อมขุมพลัง e-Power Turbo เจเนอเรชันที่ 2 เปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้า แบบ EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ขนาด 1.5 ลิตร เบนซิน VC-Turbo 3 สูบ ให้กำลังถึง 144 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น BM46 AC3 Synchronous Motor ให้พลังรวมเป็น 204 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตรในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมโหมดการขับขี่ทั้งโหมด Sport, Snow, Auto และ ECO

    ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE พื้นฐานเครื่องยนต์ แรงม้า แรงบิด เท่ากันแต่ว่ามีการปรับในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า BM46 เป็น 204 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 136 แรงม้าที่ แรงบิด 195 นิวตันเมตร ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 340 แรงม้าเพิ่มแรงบิดเป็น 525 นิวตันเมตร  พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมด ทั้ง Sport, Off-Road, Snow, Auto และ ECO คาดมาไทยปลายปีนี้

    OMODA x JAECOO : JAECOO 5 EV, JAECOO 6T EV, OMODA C9 SHS, OMODA C5 HEV, JAECOO 5 HEV, OMODA C5 EV Facelift, JAECOO 6 EV CKD

    iCAR

    ภายในปีนี้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System), เครื่องยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle), HEV (Hybrid Electric Vehicle) และ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) เพื่อตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมีกำหนดการเปิดตัวทั้ง JAECOO 5 EV, JAECOO 6T EV และ JAECOO 6 EV ประกอบไทยภายในไตรมาสที่ 3

    ไตรมาสที่ 4 พบกับ OMODA C9 SHS พร้อมกับรุ่นใหม่ขุมพลังไฟฟ้าขยายระยะทางอีก 1 รุ่น หรือ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) ทียังไม่มีข้อสรุปพร้อมรุ่นฟูลไฮบริด 2 รุ่น ทั้ง OMODA C5 HEV กับ JAECOO 5 HEV และการปรับโฉมของ OMODA C5 EV 

    iCAR

    JAECOO 6T EV หรือ iCAR 03T นำพื้นฐานของ JAECOO 6 EV หรือ iCAR 03 ตกแต่งให้หล่อสมาร์ทกว่าจากแพลตฟอร์ม i-MS Platform ใหญ่กว่า JAECOO 6 EV เล็กน้อย พร้อมขุมพลังอีวีด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Qida Permanent magnet Motor พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 0.5 ชั่วโมง และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW

    จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 69.77 kWh มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 520 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 502 กิโลเมตร (NEDC) โหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport

    รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 95 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 279 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในระยะเวลา 6.5 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 501 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 483 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport, Snow ,Mud, Sand ในระบบ iWD intelligent electric 4-wheel drive

    OMODA C9

    OMODA C9 SHS นำพื้นฐานจากจาก EXEED YAOGUANG หรือ EXEED RX เปิดตัวจีนเมื่อปี2022 ขายต่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ปรับดีไซน์เล็กน้อยให้เข้าจริตของตลาดโลกด้วยการแปะตรา OMODA

    พกขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด SHS ด้วยเบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRH4J15 ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิด 215 นิวตันเมตรพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังรวมสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดรวม 700 นิวตันเมตร แบ่งเป็นล้อหน้า 224 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตรและล้อหลัง 238 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 34.46 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 618 แรงม้า แรงบิด 915 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน WLTC และถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทั้งระบบทำได้ 1,100 กิโลเมตรตามาตรฐาน CLTC หรือ 1,046 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC รองรับกำลัง 6.6 kW 0-100% ภายใน 5.5 ชั่วโมงและกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จ 40 kW จาก 30-80% ในเวลาเพียง 25 นาทีพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)

    Peugeot : 2008 Facelift

    Peugeotลุ้นกันว่าทางโรงงานมาเลเซียจะสามารถเปิดไลน์รุ่นปรับโฉมของ Peugeot 2008 หรือไม่ถ้าเปิดไทยก็ได้ประโยชน์เต็มๆและพร้อมที่จะเปิดตัวท้าชนคู่แข่ง

    RIDDARA :RD6 ECON

    RIDDARA RD6

    RIDDARA RD6 พร้อมที่จะส่งรุ่นย่อยใหม่มาตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ ด้วย RIDDARA RD6 ECON หรือ RADAR King Kong ที่ขายในจีน โดยถูกวางหมากให้เป็นปิกอัพเน้นงานบรรทุกงานเชิงพาณิชย์กับขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 384 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.3 วินาที โดยแบ่งเป็นรุ่นความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แบบ LFP 63 kWh

    วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC 377 กิโลเมตร ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 7 kW 20-100% ภายใน 7.9 ชั่วโมง ลากจูงรถพ่วงได้ 2,500 กิโลกรัม เตรียมเปิดตัวในไทยไตรมาสที่ 3 ปีนี้ คาดเริ่มต้นที่ 799,000 บาทและต่ำกว่ารุ่น 63 kWh 2WD

    Subaru : CROSSTREK e-Boxer, Forester e-Boxer

    Subaru

    ปีนี้พร้อมแล้วที่จะเผยรุ่นธงใหม่ด้วย Subaru CROSSTREK e-BOXER HYBRID ในราคา 1,800,000 บาท และ Subaru Forester e-BOXER HYBRID เจนใหม่ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นคันเดียวสะท้อนอารมณ์สปอร์ตจากสนามแข่งสู่ท้องถนนได้อย่างชัดเจน

    ขุมพลังสูบนอน Boxer ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เข้าไว้ด้วยกันจึงเป็นที่มาของขุมพลังใหม่ e-Boxer จากเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร รหัส FB20 direct injection พร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS) 150 แรงม้าที่ 5,800-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์

    Subaru

    จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า aspect alternating current synchronous motor ให้กำลัง 16.7 แรงม้า แรงบิด 66 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium Ion ขนาด 13.5 kWh เมื่อทำงานร่วมกันทำแรงม้ารวม 156 แรงม้า เมื่อเข้าโหมด EV และ Motor Assist วิ่งไกลสุด 1.6 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic CVT แบบ 7 สปีด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา Symmetrical all-wheel drive เสริมระบบ X-MODE

    Suzuki : eVITARA, FRONX

    Suzuki

    หลังจากที่ Suzuki ตัดสินใจปิดไลน์ผลิตในไทยภายในปีนี้ พร้อมขายรถนำเข้ารุ่นใหม่จากกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนและเอเชียไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย ถึง 2 รุ่นทั้ง สันดาป ไฮบริด และไฟฟ้าล้วน สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายการรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอนแต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    เริ่มที่ Suzuki e VITARA ประกอบที่โรงงาน Suzuki Motor ที่เมือง Gujarat ประเทศอินเดียที่พกขุมพลังไฟฟ้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LFP) ขนาด 49 kWh ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตรในรุ่น Standard 2WD

    มาที่รุ่น Extended 2WD ขยับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 61 kWh ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า แรงบิด 189 นิวตันเมตร และรุ่น Performance 4WD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ “ALLGRIP-e” ทีมี eAxles คู่ทั้งล้อหน้าและล้อหลังพร้อมล็อกเฟืองท้าย Limited Slip Differential พร้อมโหมด TRAIL

    ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 61 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดรวม 300 นิวตันเมตรแบ่งเป็นมอเตอร์ล้อหน้า 174 แรงม้า และมอเตอร์ล้อหลัง 65 แรงม้า คาดว่าวิ่งไกลสุด 243 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 286 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC พบกันปลายปีทันงาน Motor Expo 2025

    Suzuki FRONX

    ตามมาด้วย Suzuki FRONX เอสยูวีนำเข้าจากอินเดียที่กำลังไปได้สวยกับตลาดต่างประเทศกับเบนซิน Mild Hybrid SHVS ขนาด 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พ่วงด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน 12V ครั้งนี้ขยายความจุใหญ่ขึ้นเป็น 10 Ah หรือ 0.12 kWh จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ISG WA06A

    ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ถึง 3 แรงม้า แรงบิด 60 นิวตันเมตร เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ ประหยัดน้ำมัน 20.2-21.3 กิโลเมตรต่อลิตรตามมาตรฐาน JC08 ความปลอดภัยจัดเต็มกับ Suzuki Safety Support คาดเปิดตัวไทยกันยายนนี้

    Toyota : YARIS ATIV HEV

    Toyotaเก๋ง B-Car อย่าง Toyota Yaris ATIV อาจเพิ่มทางเลือกกับขุมพลัง Hybrid 1.5 ลิตร ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีที่แล้วคาดว่าปีนี้อาจพบกันกับเบนซินขนาด 1.5 ลิตร Full Hybrid รหัส 2NR-VEX ยกมาจาก Toyota Yaris Cross ให้กำลัง 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 121 นิวตันเมตรที่ 4,000- 4,800 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์

    จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าประเภทซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 580 V ให้กำลัง 81 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion แรงดันไฟฟ้า 177.6V ความจุไฟฟ้า 4.3 Ah หรือ 0.76 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 111 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้งโหมด Power, Normal  ECO รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง สูงสุด E20 และจะได้พบกับ Toyota Hilux TRAVO ทันในปีนี้หรือไม่ต้องติดตาม

    Volvo : EX30 Cross Country, ES90, S90 Facelift, XC60 Facelift

    Volvo

    หนึ่งรุ่นที่จะมาไทยกับ Volvo EX30 Cross Country นำพื้นฐานของรุ่น EX30 มาตกแต่งสไตล์ลุยเริ่มที่ ไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ค้อนอันเป็นเอกลักษณ์ Thor Hammer พร้อมกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ Iron Mark เสริมพื้นหลังสีดำ ฝากระโปรงหน้าดีไซน์เล่นระดับพร้อมขอบฝากระโปรงหน้ามีความหนาขึ้นและกันชนหน้าเสริมคิ้วสีดำเสริมดุ

    ด้านข้างดุดันด้วยหลังคารถแบบลอยตัวหรือ Floating roof โดยเป็นหลังคาสีดำตั้งแต่เสา A คิ้วขอบล้อสีดำ กระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ คิ้วชายล่างสีดำ ไฟท้าย LED รูปตัวซีแนวยาวล้อมกรอบพื้นหลังสดำ โดยมีไฟเบรกดวงที่ 3 ติดข้าง กระจกหลังซ้าย-ขวาพร้อมสปอยเลอร์หลังในตัวและฝากระโปรหน้าเปิดมาเป็นที่วางของ Front load compartment ขนาด 61 ลิตร ล้ออัลลอยสีทูโทนลายแอโรขนาด 18 นิ้วและ 19 นิ้ว ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน SEA ที่จะเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้าและความสูงรถเพิ่มขึ้น

    แบตเตอรี่ลิเทียมไอฟอนฟอสเฟต NMC ด้วยความจุแบตเตอรี่ 51 กับ 69 kWh ทั้งรุ่น Single Motor Extended Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 565 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 153 kW 10-80% ทำได้ 26.5 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชั่วโมง

    Volvo

    รุ่น Twin Motor Performance มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมสูงสุด 428 แรงม้า แรงบิด 543 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 541 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จ DC กระแสตรงรองรับกำลังไฟสูงสุด 134 kW 10-80% ทำได้ 28 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC 11 kW ทำได้ 8 ชั่วโมง ทั้งสามความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Shift-by-wire single speed transmission

    Volvo

    ปลายปีนี้พบกับ Volvo ES90 เก๋งไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) เดียวกันกับ Volvo EX90 โดยมาในชื่อรหัสโครงการ V551 ใหญ่ทั้งคันและเมื่อเทียบกับ BMWi5 จะพบว่าตัวรถสั้นลง 61 มิลลิเมตร สูงขึ้น 32 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 45 มิลลิเมตร และฐานล้อยาวกว่า 105 มิลลิเมตร

    ขุมพลังไฟฟ้าจากเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมการจ่ายไฟระดับ 800V ด้วยความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 106 kWh ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง WLTP หรือ 824 กิโลเมตร (NEDC) มีทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยเริ่มที่รุ่น Twin Motor (E800V33) ให้กำลังรวม 449 แรงม้าที่ 4,700-16,000 รอบต่อนาที แรงบิด 670 นิวตันเมตรที่ 0-4,700 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.5 วินาที

    รุ่น Twin Motor Performance (E800V32) ให้กำลังรวม 680 แรงม้าที่ 5,600-8,100 รอบต่อนาที แรงบิด 870 นิวตันเมตรที่ 0-5,600 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4 วินาที ทั้ง 2 รุ่น ชาร์จเร็ว DC 10-80% ภายใน 20 นาที รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 350 kw นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มระยะทางวิ่งได้ไกล 300 กิโลเมตร ภายใน 10 นาที จากการชาร์จ DC

    รุ่น Single Motor มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังมาพร้อมความุจแบตเตอรี่ 92 kWh ให้กำลังรวม 333 แรงม้าที่ 4,900-8,300 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 0-4,900 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที วิ่งไกลสุด 650 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 765 กิโลเมตร (NEDC) ชาร์จเร็ว DC 10-80% ภายใน 20 นาที รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 350 kw นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มระยะทางวิ่งได้ไกล 275 กิโลเมตร ภายใน 10 นาที

    Volvo

    ทุกรุ่นมาพร้อมระบบชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW พร้อมระบบ LiDAR (Light Detection and Ranging System) 1 ตัวแล้วยังมีกล้อง 7 ตัว,เรดาห์ตรวจจับวัตถุ 5 ตัว เซนเซอร์แบบอัลตร้าโซนิค 12 ตัวรอบคันเพื่อมอบมุมมอง 360 องศา แบบเรียลไทม์สำหรับผู้ขับขี่ผสานกับระบบความปลอดภัยในตัวรถเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การทำงานของฟังก์ชั่นช่วยเหลือเพื่อการขับขี่อย่าง และเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวผู้ขับในห้องโดยสารอีก

    พร้อมระบบช่วยการขับขี่ Pilot Assist และ ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนเลน รวมถึงระบบประมวลผลที่แม่นยำจาก ด้วยชิป NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ซึ่งสามารถประมวลผลได้รวดเร็วกว่า 508 ล้านล้านครั้งต่อวินาที และการมาของ Volvo S90 กับ Volvo XC60 ไมเนอรเชนจ์จะมาด้วยหรือไม่ต้องติดตาม

    WULING : Cloud EV

    Wuling

    WULING Cloud EV เวอร์ชันพวงมาลัยขวาด้วยรูปร่างหน้าตาคล้ายกับต้นฉบับ BAOJUN Cloud EV เปลี่ยนตรามาเป็นแบรนด์ WULING คล้ายๆกับรุ่น AIR EV พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ lithium-iron phosphate 50.6 kWh ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร

    ให้ระยะทางไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งได้ 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จสองรูปแบบเริ่มที่กระแสสลับ AC กำลังชาร์จสูงสุด 8.8 kW สามารถชาร์จ 20-100% ได้ 7 ชั่วโมงและชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายในเวลา 30 นาทีได้พบกันแน่นอน

    ZEEKR : 7X

    ZEEKR

    ZEEKR 7X มาพร้อมความสามารถลากจูงได้ถึง 2,000 กิโลกรัม แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตแบบ LFP Golden Battery จากทาง VREMT และแบบ ternary NMC จาก CATL-GEELY จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1-speed direct-drive จากสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มไฟฟ้าแรงสูง 800V

    โดยสเปกที่ขายไทยจะได้ระยะทางวิ่งไกลต่อการชาร์จ 600 กิโลเมตร (WLTC) ในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังและ 500 กิโลเมตร (WLTC) ในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อทั้งคู่มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 100 kWh เตรียมขายไทยคาดมาช่วงเดียวกับส่งมอบช่วงไตรมาสที่ 3 ปีนี้คาดราคาจำหน่ายไม่เกิน 2,200,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts