Nissan ประกาศเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าล้วนและ e-Power ไฮบริด ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต ซึ่งทางค่ายให้คำมั่นว่าจะแนะนำรถยนต์พลังไฟฟ้าใหม่ 27 รุ่น โดย 19 รุ่น ในนั้นเป็น EV ภายในปี 2030 ทำให้มันมี EV เพิ่มขึ้นมา 4 รุ่น เมื่อเทียบกับกลยุทธ์เดิม ‘Nissan Ambition 2030’ ที่ทางค่ายประกาศไว้เมื่อปี 2021
Nissan ยืนยันว่า EV รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับประเทศจีนโดยเฉพาะจะเปิดตัวในปี 2024 พร้อมกันนี้พวกเขายังได้มองหาความร่วมมือที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าจากค่ายพันธมิตรในยุโรป
ค่ายผู้ผลิตรถจากญี่ปุ่นไม่ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง แต่เราพอจะรู้มาบ้างจากทีเซอร์และรายงานที่มีออกมาก่อนหน้านี้ โดยมันน่าจะมี Nissan Leaf เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งคาดว่ามันน่าจะแปลงร่างไปเป็นรถครอสโอเวอร์ มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นสืบทอดจาก Micra Supermini ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Renault 5 เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นสืบทอดจาก Juke, Qashqai, และ X -Trail SUV ที่จะเปิดตัวระหว่างปี 2025 ถึง 2027
นอกจากนี้ เครือพันธมิตรของ Nissan ยังยืนยันว่า จะมีการส่ง EV ที่มีตรา Nissan สำหรับตลาดอเมริกาใต้ พร้อมกับรุ่นแฝดจาก Renault
Nissan กล่าวว่า กลยุทธ์การใช้พลังงานไฟฟ้าที่ปรับปรุงใหม่นี้ถือเป็นการตอบสนองต่อ ‘การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของลูกค้าและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ’ โดยมีบางอย่างบอกพวกเขาว่าจะสามารถเพิ่ม EV ขึ้นได้ จากการเปลี่ยนแปลงล่าสุดภายในพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Renault และ Nissan มีความสมดุลมากขึ้น และเปิดโอกาสใหม่ในแง่ของส่วนประกอบที่ใช้ร่วมกันและต้นทุนในการพัฒนา
ไม่เพียงแต่จะเพิ่มจำนวน EV ที่วางแผนไว้จากเดิม 15 คัน เป็น 19 คัน แล้ว Nissan ยังได้อัปเดตการคาดการณ์เกี่ยวกับยอดขายอีกด้วย โดยในระยะสั้น สัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้าร่วมทั่วโลกตามเป้าหมายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 40% เป็นมากกว่า 44% ภายในปี 2026
สำหรับแต่ละตลาดนั้น ทางค่ายวางแผนที่จะเพิ่มการขายรถยนต์ไฟฟ้าร่วม 98% ในยุโรป ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 75%, ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 58% จาก 55%, 40% เท่าเดิมในสหรัฐฯ, และ 35% ในจีน ซึ่งลดลงจาก 40% ภายในปี 2026
ทางบริษัทคาดหวังว่า ภายในปี 2030 รถยนต์ไฟฟ้าร่วมจะมีสัดส่วน 55% ของยอดขาย Nissan และ Infiniti ทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 50% โดย Nissan ตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าล้วนในสหรัฐฯ ภายในปี 2030
อ้างอิง : carscoops.com
