“RB17” ฟังดูเหมือนชื่อรถ Red Bull Racing Formula 1 อย่างไรก็ตาม “RB16” ที่ใช้ในปี 2020 ถูกแทนที่ด้วย “RB16B” และ RB18 ในฤดูกาลถัดมา สำหรับปี 2024 เราจะได้เห็น “RB17” ในที่สุด แต่จะไม่ใช่สำหรับรถ F1 ซึ่งจะใช้การกำหนดตัวอักษรและตัวเลขสำหรับไฮเปอร์คาร์แทน
RB17 ประกาศครั้งแรกในปี 2022 ซึ่งเป็นผลงานของ Red Bull Advanced Technologies หน่วยงานด้านวิศวกรรมของ Red Bull Racing Group คู่ปรับของ Mercedes-AMG One และ Aston Martin Valkyrie โดยการออกแบบของ Adrian Newey วิศวกรและนักออกแบบ F1 ของ Red Bull ฟังจากพอดแคสต์ล่าสุด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคระดับโลกได้พูดคุยอย่างยาวเหยียดเกี่ยวกับไฮเปอร์คาร์ที่หลายคนตั้งตารอคอย
ในเริ่มแรกได้เคยประกาศไส้ว่าจะใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ แต่ตอนนี้ไฮเปอร์คาร์ใหม่จะมีเครื่องยนต์ V10 แบบดูดอากาศตามธรรมชาติ ซึ่งจะหมุนที่ 15,000 รอบต่อนาทีอันน่าทึ่ง เครื่องยนต์สันดาปเพียงอย่างเดียวจะผลิตแรงม้าได้ถึง 1,000 แรงม้า และเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังเพิ่มอีก 200 แรงม้า และหากนั่นยังไม่น่าประทับใจพอ Newey เล่าว่าทีมวิศวกรตั้งเป้าที่จะลดน้ำหนักให้เหลือน้อยกว่า 900 กิโลกรัม เพื่อให้เห็นภาพเทียบกับ Mazda MX-5 Miata รุ่น ND ที่เบาที่สุดเป็นรุ่นพิเศษเฉพาะในญี่ปุ่นที่มีน้ำหนัก 990 กิโลกรัม
Aston Martin RB17 ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีอากาศพลศาสตร์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และพร้อมที่จะทำเวลาต่อรอบได้เทียบเท่ากับรถ F1 ตามที่ Newey กล่าว มันจะสามารถสร้างแรงดาวน์สูงสุด ได้ที่ 1,700 กิโลกรัม ที่ 241 กม./ชม. น่าสังเกตที่ความเร็ว 193 กม./ชม. ตัวเลขดาวน์ฟอร์ซจะเท่ากับน้ำหนักของรถ
ไฮเปอร์คาร์คันนี้จะมีมีห้องโดยสารที่กว้างขวางและมี 2 ที่นั่ง เมื่อเทียบกับกว่า Valkyrie โดยเฉพาะในแง่ของพื้นที่วางขาสำหรับผู้ที่ตัวสูง เกร็ดความรู้เพิ่มเติมที่แชร์ระหว่างพอดแคสต์เผยให้เห็นคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟและยางมิชลินสั่งทำพิเศษ การผลิตจะถูกจำกัดไว้ที่ 50 คัน แต่ในทางเทคนิคแล้วจะมีเพียง 49 คันเท่านั้น เนื่องจากหนึ่งคันเป็นเป็นของผู้ที่ออกแบบ หนึ่งคัน
ด้วยการออกแบบและข้อกำหนดทางเทคนิคที่สรุปแล้ว Red Bull วางแผนที่จะดำเนินการทดสอบส่วนประกอบต่างๆ ในปี 2024 โมเดลขนาดจริง จะถูกจัดแสดงในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่การทดสอบในสนามยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน จนกว่าจะถึงปลายปี 2025 สำหรับการผลิตรถยนต์ของลูกค้ามีกำหนดจะเริ่มในปี 2026 ลูกค้ากระเป๋าหนักจำนวน 49 คนที่โชคดีพอที่จะรับสิทธิ์ได้หนึ่งคันจะได้รับการฝึกอบรมซึ่งรวมถึงการใช้ F1 Simulation ของ Red Bull ด้วย
คาดว่าราคาของไฮเปอร์คาร์คันนี้จะอยู่ที่ 5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 6.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 222 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
Source: Motor1
