More

    ชุบชีวิต Aston Martin DB5 รถคลาสสิกจากภาพยนตร์ “เจมส์ บอนด์”

    รถระดับตำนานถูกปลุกกลับมาอีกครั้ง กับ Aston Martin DB5 รถระดับไอคอน จากภาพยนตร์ “James Bond” ที่ถูกชุบชีวิตใหม่ หลังถูกจอดทิ้งไว้จนผุพังและขึ้นสนิมมาเป็นเวลายาวนาน รถคันนี้เคยโลดแล่นอย่างสง่างามในยุค 60 และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แฟนหนัง 007 จำได้ทันที

    astonmartin db5

    ที่มาของ ‘รถเจมส์ บอนด์’

    รถ Aston Martin รุ่น DB5 มีการเปิดตัวช่วงปี 1963–1965 เป็นรถสปอร์ตแบบ Grand Tourer ที่ออกแบบมาเพื่อเดินทางไกลอย่างมีพลังและมีสไตล์ 

    เครื่องยนต์: 4.0 ลิตรเบนซิน 6 สูบ

    กำลังสูงสุด: 286 แรงม้า

    แรงบิดสูงสุด: 390 นิวตันเมตร

    อัตราเร่ง: 0–100 กม./ชม. ในเวลา ประมาณ 8 วินาที

    โดยรถ DB5 ได้ถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ (James Bond) ในภาค โกลด์ฟิงเกอร์ (Goldfinger) ในปี 1964  ใช้รถสีซิลเวอร์ เบิร์ช (Silver Birch) ที่ผลิตเพียง 39 คันจากทั้งหมด 1,059 คัน ภาพจำของ DB5 ที่ถูกใช้เป็นคู่หูของสายลับ 007 ในเรื่องนี้ ทำให้ผู้คนต่างเรียกกันว่า รถเจมส์ บอนด์ และกลายเป็นชื่อเล่นที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

     

    astonmartin db5

    รถในตำนานกลายเป็นรังหนู

    ในปี 1973 จอห์น วิลเลียมส์ (John Williams) ได้ตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้มาในราคา 975 ปอนด์ หรือคิดเป็นค่าเงินปัจจุบันที่ 15,000 ปอนด์ หรือประมาณ 630,000 บาท เขานำรถไปใช้งานอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะจอดทิ้งไว้หลังไม่ได้ใช้งานต่อเนื่องราว 10 ปี

    กระทั่งถึงปี 2022 รถคันนี้มีสภาพผุพังจนขึ้นสนิมทั่วทั้งคัน เสียหายหนักจนไม่สามารถใช้งานได้ และยังกลายเป็นรังหนูขนาดใหญ่ แต่จอห์นต้องการที่จะนำกลับมาใช้งานเพื่อรำลึกถึงอดีตอีกครั้ง

     

    ภารกิจกู้คืน DB5

    จอห์นได้ติดต่อ แอสตัน มาร์ติน เวิร์คส์ (Aston Martin Works) แผนกฟื้นคืนสภาพรถในนิวพอร์ต แพกเนลล์ (Newport Pagnell) เมืองทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่ใช้ผลิต DB5 คันแรกของบริษัท

    Aston Martin Works เปิดเผยว่า การฟื้นสภาพรถครั้งนี้ต้องใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การกำจัดรังหนูที่อยู่ทั่วทั้งคัน ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนใหม่หลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรง หลังคา หรือชิ้นส่วนภายในต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดถูกผลิตขึ้นในโรงงานของแอสตัน มาร์ติน และยังมีการคืนสภาพสี ซิลเวอร์ เบิร์ช ให้กลับมาใหม่อีกด้วย

     

    astonmartin db5

    หลังคือสภาพ จอห์นได้เปิดเผยว่าเขาพึงพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างมาก เพราะรู้สึกเหมือนความทรงจำในอดีตได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งภารกิจการบูรณะครั้งใช้เวลาประมาณ 4 ปี รวมกว่า 2,500 ชั่วโมงทำงาน และมีค่าใช้จ่ายราว 400,000 ปอนด์ หรือประมาณ 17 ล้านบาท

    แม้ว่าการซ่อมแซมและฟื้นสภาพรถจะใช้ค่าใช้จ่ายสูง แต่แอสตัน มาร์ติน เวิร์คส์ เปิดเผยว่า รถเจมส์ บอนด์ รุ่น DB5  ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่หาได้ยากในปัจจุบัน ทำให้มูลค่ารถคันนี้หลังคืนสภาพ มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1 ล้านปอนด์ หรือไม่น้อยกว่า 42.3 ล้านบาท 

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่ารถหลังคืนสภาพจะสูงมากก็ตาม แต่จอห์นยังไม่มีแผนนำรถไปขายต่อในปัจจุบัน 

     

    เรื่องของ DB5 คันนี้บอกได้ว่า บางครั้งรถอาจไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่มันคือคู่หูที่เต็มไปด้วยความผูกพัน ความหลงใหล ที่เคยร่วมบันทึกความทรงจำดี ๆ ไว้ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต

     

    ข้อมูลจาก: tnnthailand.com, Aston Martin

    ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่: car2day.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts