GWM Anuphas ภูเก็ต เชิญชวนสื่อมวลชนท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับกับรถยนต์ GWM ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ รถยนต์ Hybrid 5 ที่นั่ง HAVAL H6, Haval Jolion และ รถยนต์ไฟฟ้า 100% Ora Good Cat ผ่านกิจกรรม Road Trip With GWM Anuphas Phuket เป็นการขับรถตามเส้นทางที่กำหนด รอบเกาะภูเก็ต
GWM อนุภาษ ภูเก็ต เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นและตอกย้ำความตั้งใจในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการรูปแบบใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ชาญฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ใน วันจันทร์ – วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.30 น. เปิดให้บริการภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
HAVAL H6
รูปลักษณ์ภายนอก
- ไฟหน้า LED อัจฉริยะ Intelligent LED headlamp
- เส้นสายรอบตัวรถที่มีเอกลักษณ์ Body waistline
- หลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ Panoramic sunroof
- แถบไฟท้ายแบบ LED พาดยาวจากซ้ายจรดขวา LED taillight strip
- ล้อขนาด 19 นิ้ว
- มิติตัวรถมีความยาว 4,653 มิลลิเมตร กว้าง 1,886 มิลลิเมตร สูง 1,724 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร
การตกแต่งภายใน
ภายในมีการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ที่ผสานเทคโนโลยีชั้นนำแห่งยุคไว้ได้อย่างลงตัว เพื่อประสบการณ์การขับที่แตกต่าง โดยสัมผัสได้จากดีไซน์ทูโทน ที่ให้ความรู้สึกถึงโลกอนาคต การตกแต่งภายในด้วยสีที่ยกระดับความหรูหรา อาทิ สีโรสโกลด์ สีแกรนด์เปียโนแบล็ค ที่เข้ากับโครเมียมและไฟ ambience light ได้เป็นอย่างดี โดดเด่นด้วย Multi-Display แผงหน้าปัดแบบลอยตัว
พร้อมจอ Infotainment ขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับได้อย่างครบครัน พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Multi-Function เกียร์ไฟฟ้า Electronic shifter ชาร์จแบบไร้สายด้วย Wireless charger เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบคู่ พร้อมตัวกรอง CN95 และช่องแอร์ด้านหลัง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า
สมรรถนะและเทคโนโลยี ที่มาพร้อมความประหยัด
All New HAVAL H6 Hybrid SUV จะมอบประสบการณ์การขับเหนือระดับและทำให้ผู้ขับเพลิดเพลินไปกับความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดด้วย GWM LEMON Hybrid ที่สามารถรองรับทุกสถานการณ์การขับที่หลากหลายได้อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบไปด้วยโหมดการขับ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน/โหมดสปอร์ต/โหมดประหยัด/โหมดสภาพถนนลื่น เพื่อตอบสนองการขับในสภาพถนนที่แตกต่างกันในด้านขุมพลัง All New HAVAL H6 Hybrid SUV มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของ เกรท วอลล์ มอเตอร์
สำหรับความประหยัดนั้น All New HAVAL H6 Hybrid SUV ใช้เพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT รองรับการขับตามความต้องการ ช่วยประหยัดน้ำมัน คลายความกังวลด้วยระบบเกียร์ไฮบริดรุ่นแรกที่มี 2 เกียร์ ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 เกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน เพื่อรองรับการขับเคลื่อนที่หลากหลาย
All New HAVAL H6 Hybrid SUV ประกอบด้วยระบบอัจฉริยะมากมายที่จะมอบประสบการณ์ใหม่และทำให้การขับเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน พิเศษด้วย LIFE+ (LIFE PLUS)
ระบบอัจฉริยะที่ตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทางการขับ ซึ่งประกอบไปด้วย L: L2 ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 2 มาพร้อม 22 ฟังก์ชั่นอัจฉริยะที่ช่วยให้การขับปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- ระบบช่วยจอดรถยนต์อัตโนมัติ 3 รูปแบบ หรือ Integration Auto Parking (IAP) ด้วยกล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค สามารถค้นหาที่จอดรถ ตรวจจับสิ่งกีดขวาง ค้นหาพื้นที่ว่างสำหรับจอดรถยนต์ และสามารถแนะนำการจอดรถได้อย่างถูกต้อง คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง
- ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ หรือ Auto Reversing Assistance (ARA) โดยระบบจะสามารถจดจำเส้นทางเมื่อรถขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถถอยหลังกลับตามเส้นทางเดิมได้ในระยะทางถึง 50 เมตร ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง Wisdom Dodge System (WDS) โดยระบบจะช่วยตรวจจับรถบรรทุกและรถขนาดใหญ่ เพื่อควบคุมให้รถยนต์รักษาระยะห่างจากรถบรรทุก โดยหลังจากวิ่งผ่านรถบรรทุกแล้ว รถยนต์จะกลับเข้าสู่กลางเลนตามปกติ
- นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเหลือการขับอีกมากมาย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC) ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่จะระบุเส้นทางด้านหน้าของตัวรถ ไปพร้อมกับประสานการทำงานของระบบเบรกและระบบควบคุมเครื่องยนต์ เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถยนต์คันหน้า และระบบช่วยหยุดรถยนต์และออกตัว (stop-and-go) เพิ่มความสะดวกสบายในการขับรถสำหรับย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน ระบบแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา 360 ° Surrounding camera ด้วยการใช้กล้องรอบทิศทางความละเอียดสูงระดับสี่ล้านพิกเซลในการแสดงภาพรอบตัวรถยนต์สามารถมองเห็นสภาพถนนรอบตัวรถได้อย่างง่ายดายหรือเมื่อต้องขับรถยนต์ในถนนที่แคบหรือที่จอดรถ
- I: Intelligence V3.5 – ระบบอัจฉริยะที่ช่วยสร้างประสบการณ์การขับที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบโต้ตอบด้วยเสียง (Voice Interaction) ระบบอินเทอร์เน็ตอัจฉริยะ (Intelligent Internet) รวมไปถึงระบบหน้าจออัจฉริยะ ที่ช่วยให้เชื่อมต่อและค้นหาข้อมูลการเดินทางได้อย่างชาญฉลาด
- F: FOTA – ระบบการอัปเกรดโปรแกรมออนไลน์ สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการอัปเกรด Firmware ได้เองผ่านระบบออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเอารถเข้าศูนย์บริการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการขับอัจฉริยะต่างๆ ระบบขับเคลื่อน และระบบส่งกำลัง
- E: EYE Q4 – ชิปอัจฉริยะที่ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น สามารถประมวลผลภาพจากกล้องหลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน และยังสามารถรักษาเสถียรภาพในการทำงานได้ดีหากมีการชนหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
Haval Jolion
Haval Jolion เป็นรถ SUV ที่มีขนาดตัวเล็กกว่า Haval H6 เล็กน้อย
รูปลักษณ์ภายนอก
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ
- กระจังหน้าแบบ Star Matrix
- หลังคาซันรูฟแบบ Panoramic
- ไฟท้าย LED
การตกแต่งภายใน
- ดีไซน์ภายในแบบทูโทน
- เกียร์แบบ Electronic Shifter & แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย
- เบาะนั่งพับได้
- พวงมาลัยแบบ Multi-Function
- แผงประตูข้างดีไซน์สุดหรู
- หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3″
- ขนาดตัวรถกว้าง 1,841 มม. ยาว 4,472 มม. สูง 1,619 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม. พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุด 1,069 ลิตร ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
- อุปกรณ์มาตรฐานมี มาตรวัดฟูลดิจิทัล Multi Information Display ขนาด 7 นิ้ว, จอ Head-up Display, จอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่น Apple CarPlay, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระช้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย, เกียร์ไฟฟ้า, เบรคมือไฟฟ้า, ซันรูฟพร้อมม่านบังแดดระบบไฟฟ้า, กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
- ชุดระบบขับเคลื่อน เทคโนโลยี LEMON Hybrid DHT (Dedicated Hybrid Technology) ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร N/A กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.7 กก.-ม. ที่ 4,400 – 5,200 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม. กำลังรวมทั้งระบบ 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 38.2 กก.-ม.
- โหมดในการขับเลือกได้ 4 แบบระหว่าง มาตรฐาน, Sport, ECO หรือสภาพถนนลื่น อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ)
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก / ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า / ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง / ระบบช่วยเบรคเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถยนต์อยู่ในจุดอับสายตา / ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน / ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน / ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะ ฉุกเฉิน / ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน
ORA GOOD CAT
มี 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย ORA Good Cat 400 TECH, ORA Good Cat 400 PRO และ ORA Good Cat 500 ULTRA แต่ละรุ่นสามารถเลือกคู่สีได้แบบเฉพาะตัว
- อุปกรณ์มาตรฐานขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย อาทิ ชุดไฟหน้า LED ทรง Cat Eye, ชุดไฟ Daytime Running Light สำหรับวิ่งกลางวัน, ฟังก์ชั่น Follow Me Home หน่วงเวลาดับไฟหลังดับเครื่องยนต์, ไฟท้าย LED แบบ Tail light Strip, ไฟเบรคดวงที่สาม, ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED, กระจังหน้าพร้อมระบบ Active Air Intake, ล้ออัลลอย 17 นิ้วในรุ่น TECH และขยับขึ้นไปเป็น 18 นิ้วในรุ่น PRO และ ULTRA
- ห้องโดยสารมีจอ Interactive Double Screen ขนาด 17.25 นิ้ว แยกเป็นมาตรวัดฟูลดิจิทัล TFT ขนาด 7 นิ้ว และจอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้ว ควบรวมไว้ในกรอบเดียวกัน, ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์รองรับการอัพเกรดเฟิร์มแวร์แบบ FOTA, รองรับคำสั่งเสียงผ่าน Google Assistant หรือ Siri, ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Android Auto หรือ Apple CarPlay, ตรวจสอบสถานะรถได้ผ่านแอพฯ GWM บนสมาร์ทโฟน, เบาะปรับไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Welcome Seat, ระบบนวดไฟฟ้า, ระบบกรองอากาศ PM2.5, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, Wireless Charging, ชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง พื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุด 858 ลิตร
- ชุดระบบความปลอดภัยและฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก นวมถึงระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS (Advanced driver-assistance systems) ประกอบด้วย ระบบ ACC ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ ICA ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับตั้งเอาไว้ พร้อมตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย, ระบบ TJA ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ, ระบบ AEBI เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก, ระบบ LKA ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบ LDW ช่วยเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบ LCK ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน, ระบบ ELK ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน, ระบบ WDS ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง, ระบบ Intelligent Turn ช่วยเข้าโค้งแบบอัจฉริยะขณะใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบ HSA ช่วยออกตัวบนทางชัน, ระบบ TPMS ตรวจความดันลมยาง, ฟังก์ชั่นกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา, ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ, ระบบ RCTA ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง และระบบ DFM ช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับ
- ระบบขับเคลื่อนประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร หรือ Permanent Magnet Synchronous Motor หมุนล้อคู่หน้า กำลังสูงสุด 143 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 21.3 กก.-ม. ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชม. โหมดในการขับเลือกได้ 5 โหมดระหว่าง Normal, Sport, ECO, ECO+ หรือ Auto ผู้ขับสามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือ ส่วนระบบชาร์จไฟกลับ หรือ Energy Recovery มี 3 ระดับ
- แบตเตอรี่แพคเป็นแบบ ลิเธียม ไอออน ฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 กิโลวัทท์-ชม. รุ่น 400 TECH และ 400 PRO วิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 400 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วนรุ่น 500 ULTRA ขยับไปใช้แบตเตอรี่แพคแบบ ลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 กิโลวัทท์-ชม. วิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 500 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- ทุกรุ่นรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 กิโลวัทท์ และการชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC 6.6 กิโลวัทท์ ระยะเวลาในการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง 0 – 80% ภายใน 45 นาที สำหรับรุ่นย่อย 400 และ 60 นาที สำหรับรุ่นย่อย 500… หากชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง 30 – 80% จะใช้เวลา 32 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 40 นาทีสำหรับรุ่น 500 ส่วนการชาร์จด้วยไฟบ้านจะใช้เวลา 8 ชม. สำหรับรุ่น 400 และ 10 ชม. สำหรับรุ่น 500
รวมภาพบรรยากาศ Road Trip With GWM Anuphas Phuket รอบสื่อมวลชน วันที่ 12 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
ติดตาม GWM อนุภาษ ภูเก็ต ได้ที่ Facebook : GWM Phuket
