เจ้าจิ๋วจอมลุยอย่าง SUZUKI JIMNY กลับมาสร้างความเร้าใจให้กับแฟนๆชาวไทยอีกครั้งด้วยแคมเปญเด็ด “Legendary Deal of the Year”
เป็นแคมเปญฉลองยอดขายนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2019 จนถึง เดือนกันยายนที่ผ่านมาสร้างยอดขายรวมกันได้ถึง 220 คัน สร้างปรากฏการณ์ “จิมนี่ ฟีเวอร์!” พร้อมปลุกกระแสรถออฟโรดขนาดเล็กในประเทศไทยให้มีความคึกคักและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และยังถูกขนานนามเป็นรถยนต์ออฟโรดในตำนานที่หลายคนต้องการเป็นเจ้าของ สำหรับ SUZUKI JIMNY
รถออฟโรดที่ดูดุดันและแข็งแกร่งมากขึ้น ภายใต้แนวคิด BORN TO BE LEGEND ตกแต่งชุดกระจังหน้าดีไซน์ดุดันแบบช่องแนวตั้ง 5 ช่อง พร้อมตราโลโก้ SUZUKI ไฟหน้าดวงเล็กแบบ LED กันชนหน้าทรงทรหดสีดำพร้อมไฟตัดหมอกหน้า ด้านข้างความคลาสสิกเอกลักษณ์อย่างลงตัวด้วย กระจกมองข้างดีไซน์พิเศษปรับพับอัตโนมัติ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 195/80 R15 พร้อมซุ้มล้อสีดำรอบคัน
ด้านท้ายเด่นด้วยการติดตั้งยางอะไหล่ห้อยท้าย รวมถึงกันชนหลังซ่อนไฟท้าย LED แนวนอนสีขาวแดงไว้เพิ่มความลงตัวในการมองเห็น ตัวถังใหญ่ขึ้นในร่างเจเนอเรชันที่ 4 แชสซีส์แบบขั้นบันไดหรือ Ladder-Frame ตั้งแต่
- ความยาว 3,645 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,645 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,720 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,250 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,435 กิโลกรัม
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 210 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
ภายในใช้วัสดุคุณภาพสูงและทนทาน ทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Segment Display แสดงข้อมูลชัดเจน พร้อม Suzuki Smart Connect จอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้หลากหลาย พร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ และฟังก์ชันการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth พร้อม Apple CarPlay มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD ง่ายต่อการใช้งาน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงสปอร์ต
ห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความรู้สึกสะดวกสบายทุกการเดินทาง เบาะนั่งปรับได้อเนกประสงค์ รองรับการใช้งานได้หลากหลาย พื้นที่เก็บของด้านหลังกว้างและสูงขึ้นด้วยการพับเบาะหลังแบบ 50/50 พร้อมช่องเก็บอุปกรณ์และสัมภาระขนาดใหญ่ ช่องเก็บเครื่องมือและช่องเก็บของอเนกประสงค์ และช่องจ่ายไฟสำรอง 2 จุดทั้งคอนโซลหน้าด้านล่างและห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง
ขุมพลังคงเดิมด้วยเบนซิน 1.5 ลิตร K15B 102 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 130 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time ALLGRIP PRO 4WD และ Low Transfer Gear ที่สามารถปรับการทำงานระหว่างระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและ 2 ล้อได้อย่างง่ายดาย
ช่วงล่างหลัง แบบ 3-link rigid axle with coil spring มีความสามารถในการลุยทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 37 องศา มุมจาก Departure Angle 49 องศา ขับขี่คล่องตัวด้วยรัศมีวงเลี้ยว 4.9 เมตร ลุยน้ำได้ลึกสุด 600 มิลลิเมตร ความปลอดภัยพื้นฐานตั้งแต่
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS Air Bag
- ป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System (ABS)
- กระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ Electric Brake Force Distribution (EBD)
- ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electric Stability Program (ESP)
- ป้องกันล้อหมุนฟรี Traction control system (TCS)
- ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill hold control (HHC)
- ช่วยชะลอความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill descent control (HDC)
- ระบบช่วยเบรก Brake assist (BA)
- คานกันกระแทกด้านข้าง Side impact door beams
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 2 ตำแหน่ง ISOFIX
- เข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งแบบ 3 จุด
- ล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- โครงสร้างตัวถัง TECT ออกแบบจากเหล็กกล้า ทนทานต่อการสึกหรอเป็นพิเศษ พร้อมระบบกันการสั่นสะเทือน
ออฟโรดขนาดคอมแพ็คกับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในราคาพิเศษลดลงจากเดิม 310,000 บาท จำนวนจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้น พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 7 ปี โดยเป็นไปตามเงื่อนไขสีและรุ่นที่กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบข้อเสนอนี้จนกว่าสินค้าจะหมด
– รุ่น สีโมโนโทน ราคาพิเศษ 1,450,000 บาท (จากเดิม 1,760,000 บาท) จำนวน 4 สี ได้แก่
- สี Solid Jungle Green
- สี Pearl Bluish Black
- สี Solid Medium Gray
- สี White
– รุ่น สีทูโทน ราคาพิเศษ 1,480,000 บาท (จากเดิม 1,790,000 บาท) จำนวน 3 สี ได้แก่
- สี Solid Kinetic Yellow with Pearl Bluish Black
- สี Metallic Brisk Blue with Pearl Bluish Black
- สี Metallic Chiffon Ivory with Pearl Bluish Black














