นับตั้งแต่ Toyota เน้นขายไฮบริดครบ 1 ปีประเดิมที่แดนจิงโจ้จนทำให้หลายประเทศเริ่มใช้แนวทางนี้กันและล่าสุดที่ญี่ปุ่นกับ Toyota Corolla
ล่าสุด Toyota เปิดตัว Toyota Corolla MY2025 รุ่นปรับปรุงใหม่ปรับยกตระกูลตั้งแต่ Corolla Sedan, Corolla Touring , Corolla Sport Hatchback
โดยงานนี้มีการอัปเกรดออปชันให้ตรงใจสาวกอย่างแท้จริงตั้งแต่ ไฟตัดหมอกหน้า LED, ล้ออัลลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 205/55R16
นอกนั้นคงเดิมทุกตัวถังด้วยช่องระบายอากศจากรังผึ้งกลายเป็นสีดำแนวนอน ส่วน Corolla Sport แฮทช์แบ็ก 5 ประตู มาพร้อมกรอบโครเมียมในชุดช่องระบายอากาศใหม่โดยเหลือเพียงในส่วนกรอบไฟตัดหมอกหน้าด้านหลังในส่วนลิ้นสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ต
ไฟหน้า Full LED กระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะ Corolla ไฟท้าย LED ล้อและยางมีหลายขนาดตั้งแต่กระทะล้อ 16 นิ้วพร้อมยาง 205/55R16 ล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/45 R17 และ 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/40 R18
ภายในคงเดิมด้วยมาตรวัดแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว สามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ปรับได้ตามความชอบกับหน้าจอ 4 สไตล์ Casual, Smart, Tough, Sporty และมาตรวัดเรืองแสงแบบจอสี TFT พร้อม MID 7 นิ้ว จอสัมผัสลอยขนาดใหญ่ขึ้นเลือกได้ทั้งขนาด 8 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว เชื่อมต่อ WIFI ระบบนำทาง Apple Car Play และ Android Auto
Qi wireless charging สำหรับชาร์จมือถือแบบไร้สาย จอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า Head-Up Display เบาะหลังพับได้ 60/40 พร้อมที่วางแขนกับที่วางแก้วน้ำ Dual Zone A/C ระบบปรับอากาศอัตโนมัติสามารถปรับอุณหภูมิสำหรับผู้โดยสารซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง
ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB-C 4 จุด และ USB-A 1 จุด ปุ่ม Smart Entry ที่ประตูผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า พร้อม Push Start เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง 3 ก้านปรับได้ 4 ระดับ
งานนี้ตัดสินใจตัดขุมพลังสันดาปล้วน Dynamic Force M20A-FKS 2.0 ลิตร 170 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตรและ Dynamic Force M15A-FKS 1.5 ลิตร 120 แรงม้า แรงบิด 145 นิวตันเมตร พร้อมฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection ควบคุมการเปิด-ปิด วาลว์ไอดี VVT-iE จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift 10 สปีด พร้อม paddle shift ขับเคลื่อนล้อหน้า ออกจากสารระบบ
เหลือเพียงเบนซิน Hybrid 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE พัฒนาให้มีเรี่ยวแรงมากขึ้น 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้ารุ่น 1VM 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร และหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four รุ่น 1WM 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร ได้แรงม้ารวม 140 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนใหม่ที่มีแรงดันไฟฟ้า 207.2 V จำนวนเซลล์ 56 ความจุไฟฟ้า 4 Ah (0.83 kWh)
คู่กับระบบส่งกำลังอย่างเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Paddle Shift โหมดการขับขี่ 5 โหมดทั้ง “Eco”, “Normal”, “Sports”, Comfort” และ “Sports S + เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four
พร้อมความปลอดภัย Toyota Safety Sense มีระบบก่อนการชนหรือ pre-crash safety เพื่อตรวจจับรถที่กำลังมาเมื่อเลี้ยวขวาที่ทางแยกและคนเดินถนนที่ข้ามไปในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อเลี้ยวขวาหรือซ้าย Proactive Driving Assist จะการคาดการณ์ความเสี่ยงตามสถานการณ์การขับขี่ เช่น “คนเดินเท้าข้ามถนน” หรือ “รถยนต์อาจจะไม่สามารถควบคุมได้
เพิ่มกล้องบันทึกภาพหน้า-หลัง, กุญแจดิจิทัล เสริมด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ เตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM) ช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Parking Support Brake (PKSB) และ ช่วยเตือนเมื่อมีรถขับมาด้านข้างขณะที่ผู้ขับขี่เปิดประตูลงรถ Safe Exit Assist (SEA)
Toyota Corolla MY2025 ทั้ง Corolla Sedan, Corolla Touring ขายญี่ปุ่นตั้งแต่ 19 พฤษภาคม และ Corolla Sport Hatchback ขายญี่ปุ่นตั้งแต่ 9 พฤษภาคม
มีราคาตั้งแต่ 2,279,200-3,416,600 YEN หรือราว 519,000-775,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยส่วนถ้าขายในไทยราคารวมภาษีนำเข้าอยู่ที่ 1,495,000-2,229,000 บาท
ที่มา Carwatch