โตโยต้า ปรับแผนใหญ่ในไทย! หันจับมือซัพพลายเออร์จากจีนหวังลดต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ลงถึง 30% พร้อมกดดันซัพพลายเชนญี่ปุ่นที่เคยครองตลาด เริ่มถอนทัพออกจากไทยอย่างเงียบๆ
หลังจากที่การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเดือดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะการบุกตลาดอย่างดุเดือดของค่ายรถจีนอย่าง BYD และ Great Wall Motor ทางฝั่งค่ายญี่ปุ่นอย่าง โตโยต้า เองก็ไม่อยู่เฉย ล่าสุดมีรายงานว่า Toyota Motor Thailand ได้เริ่มปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ด้วยการหันไปพึ่งพาชิ้นส่วนจากผู้ผลิตจีนในไทยมากขึ้น เพื่อหวังลดต้นทุนการผลิตรถ EV ได้มากถึง 30%
โดยแหล่งข่าวจากวงในอุตสาหกรรมเผยว่า โรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนจากจีนในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ภายในเวลาไม่นาน และนั่นกำลังสร้างแรงกดดันโดยตรงต่อซัพพลายเออร์จากญี่ปุ่นที่เคยเป็นเสาหลักของ โตโยต้า มาตลอด ทั้งในเรื่องต้นทุนและความยืดหยุ่นในการผลิต
ทำไมต้องจีน?
-
ต้นทุนถูกกว่า: ชิ้นส่วนจากจีนมีราคาถูกกว่าญี่ปุ่นเฉลี่ย 30%
-
ความพร้อมด้าน EV: จีนมีเทคโนโลยี EV ที่พัฒนาเร็ว ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านมากกว่า
-
การซัพพอร์ตจากรัฐ: ไทยและจีนมีนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนร่วมกันในอุตสาหกรรม EV
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นทางรอดของโตโยต้าในการแข่งขันด้านราคากับรถ EV จากจีน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นการ ท้าทายโครงสร้างซัพพลายเชนเดิม ที่ญี่ปุ่นเคยครองอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การถอนการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นหลายรายจากประเทศไทยในอนาคต
ชิงพื้นที่ EV ในไทย ต้อง “เร็ว และ ถูก”
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2025 – 2026 กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยรัฐบาลไทยตั้งเป้าให้ยอดขายรถ EV แตะ 30% ของยอดขายรถใหม่ทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งหมายความว่า ถ้าค่ายรถใดไม่ปรับเกมตอนนี้ ก็อาจตามไม่ทันในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า
แล้วซัพพลายเออร์ญี่ปุ่นจะไปไหน?
แม้จะยังไม่มีการประกาศชัดเจนจากซัพพลายเออร์ญี่ปุ่นรายใด แต่หลายแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมชี้ว่า “การลดขนาดหรือย้ายฐานการผลิต” ของซัพพลายเออร์ญี่ปุ่นในไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเงียบๆ
Toyota ไม่ใช่แค่กำลัง “เล่นเกมใหม่” เท่านั้น แต่กำลังเปลี่ยน “กระดานเกม” ทั้งระบบด้วยการดึงจีนเข้ามาร่วมสร้างอนาคต EV ในไทย แถมยังโยนความท้าทายกลับไปยังญี่ปุ่นว่า ถ้าไม่ปรับตัว…อาจไม่มีที่ยืนในซัพพลายเชนยุคใหม่ก็เป็นได้