หลังเผยความหล่อให้ขาซิ่งชาวมะกันให้ใจละลายกันไปแล้วสำหรับ Toyota GR Supra รุ่นปรับปรุง MY2023 กันไปแล้วด้วยรุ่นเกียร์ธรรมดา
คราวนี้มาถึงคิวฝั่งยุโรปกันบ้างก็มีการเปิดตัวรุ่น MY2023 เช่นกันด้วยหน้าตาความหล่อนั้นไม่ต่างจากสเปคสหรัฐฯ ตั้งแต่ ล้ออัลลอยนั้นเปลี่ยนเป็นลายเข้ม 10 ก้านสีเทาเข้ม Premium Titanium Dark Silver จาก forged wheels พร้อมยาง 19 นิ้วพร้อมยางหน้า 255/35ZR19 และยางหลัง 275/35ZR19 บนพื้นฐานเดิมทั้งไฟหน้า Projector แบบ LED ชุดกันชนหน้าทรงเท่ ไฟท้าย LED สไตล์รถแข่งสูตร 1 พร้อมสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ พร้อมท่อไอเสียกลมเดี่ยวทั้งซ้าย-ขวา ในชุดลิ้นสปอยเลอร์หลังเสริมกันชนหลังให้เท่ขึ้น และตัวหนังสือ Supra สีแดงอยู่ที่ฝาท้าย
ภายในมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดเกียร์ธรรมดาหุ้มหนังแบบ Alcantara ติดโลโก้ GR ไว้ที่หัวเกียร์ เบาะนั่งหนังแท้แบบ Cognac leather รวมถึงลำโพงคุณภาพ JBL รอบคันถึง 12 จุด พร้อมออพชั่นเดิมทั้ง มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ MID 8.8 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 8.8 นิ้ว รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน เบาะนั่งทรงสปอร์ตหนังแท้ และชุดแต่งผิวสัมผัสติดในแผงประตู คอนโซลเกียร์และพวงมาลัย มรดกดีไซน์จาก BMW ด้วยสวิตช์ควบคุมการทำงานภายในรถที่เหมือนกันและจอ Head Up Display
เบนซินทอร์โบตัวแรงยังคงเร้าใจเช่นเดิมด้วยขนาด 3.0 ลิตร Twin – Scroll Turbo 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว รหัส B58B30B 387 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,500 รอบ/นาที และเบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่เลือกได้ถึง 2 ความแรงตั้งแต่ แรงใหญ่ B48B20O1 258 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550- 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด iMT transmission ในรุ่น 3.0 และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ในรุ่น 2.0 และ 3.0
โดยทาง Toyota ได้พัฒนาชุดเกียร์ธรรมดาและส่วนประกอบที่เกี่ยวเนื่องเช่นเพิ่มคลัตช์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่พร้อมสปริงและไดอะเเฟรม และอัตราทดเฟืองท้าย 3.46 ให้สูงกว่าอัตราทดเกียร์อัตโนมัติ แถมมีระบบ sluggish take-off and a low in-gear acceleration feel ปรับแรงบิดของเครื่องให้เหมาะสมในช่วงเปลี่ยนเกียร์แต่ละช่วง และยังสามารถปิดระบบนี้ได้ถ้าไม่ต้องการและปรับอัตราทดให้สั้นลงแถมความพิเศษของสเปคยุโรปที่เหนือกว่าสเปคอเมริกา ตรงที่เมื่อติดตั้งระบบเกียร์ธรรมดาไปทำให้มีน้ำหนักตัวรถลดลงกว่าเดิม 38.3 กก. และการเปลี่ยนล้อใหม่ทำให้ลดน้ำหนักไป 1.2 กก. ลดน้ำหนัก Unsprung Weight ไปด้วย
ขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมฟังก์ชัน Hairpin+ ออกแบบมาสร้างความตื่นเต้นในการขับขี่ที่คดเคี้ยวหลายโค้ง บนพื้นฐานช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ปรับระดับได้แบบ Adaptive Variable Suspension แบบ 50:50 เพื่อความสมดุลของตัวรถและเหล็กค้ำยันพร้อมปรับในส่วนของสปริง โช้คอัพ ปรับลูกยางรัดเหล็กกันโคลงรวมถึงปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้สนองการขับขี่ที่ดีกว่า และยังเพิ่มเสียงสังเคราะห์ไว้ในยามเร่งแซง
Toyota GR Supra MY2023 นี้มีจำหน่ายในกลุ่มยุโรปภายในปีนี้ส่วนญี่ปุ่นขายจริงช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไปและเมืองไทยจะมีโอกาสหรือไม่ต้องติดตาม