ประเทศไทยได้รับสมญาว่าเป็น “Detroit of Asia” ด้วยศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนในภูมิภาคอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ยุค 1990s แต่ในปัจจุบัน เรายังไม่เห็น “แบรนด์รถยนต์ไทย” ที่โดดเด่นในตลาดโลกเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
Car2Day จะมาลองวิเคราะห์ถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยยังไม่สามารถสร้างแบรนด์รถยนต์ของตัวเองได้ พร้อมอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลเชิงลึกทั้งในและต่างประเทศ
1. นโยบายภาครัฐเน้น “ฐานการผลิต” มากกว่า “แบรนด์รถยนต์ไทย” เสียเอง
รัฐบาลไทยส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติผ่าน BOI โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อดึงดูดผู้ผลิตรายใหญ่จากญี่ปุ่น สหรัฐ และจีน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานประกอบรถ (OEM) แทนที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์หรือเทคโนโลยี
“Thailand has been a regional manufacturing hub for Japanese cars … not really a good idea to try to compete with them.”
— Reddit r/Thailand (ที่มา)
2. ปัญหาต้นทุนและขาด Economy of Scale
การสร้างแบรนด์รถยนต์ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในด้าน R&D การออกแบบ ระบบควบคุม และการทดสอบ ซึ่งต้องพึ่งตลาดขนาดใหญ่พอที่จะคืนทุนได้ ในขณะที่ตลาดรถยนต์ในประเทศยังเล็กและการแข่งขันสูง
เหมือนกับความเห็นที่ชวนถกเถียงกันในกระทู้พันทิป อาจไม่ใช่ข้อเทจจริงแต่ก็เป็นความคิดเห็นของกลุ่มคนบางส่วนในประเทศ
“เรื่องของ economy of scale … จำนวนคนที่ ‘ยอมซื้อรถไทย’ น้อยมาก … จึงไม่คุ้ม”
— ผู้ใช้ Pantip (ที่มา)
3. ขาดเทคโนโลยีและกลไกสนับสนุนขั้นสูง
ระบบวิศวกรรมยานยนต์ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ ECU ฯลฯ เป็นเทคโนโลยีที่บริษัทต่างชาติเป็นเจ้าของ ไทยยังขาด ecosystem ทางเทคโนโลยีที่สามารถแข่งขันระดับโลกได้
“ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี … เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตและพัฒนารถยนต์นั้นมีความซับซ้อน”
— Sanook Auto (ที่มา)
4. โครงสร้างอุตสาหกรรมที่พึ่งพาต่างชาติ
ไทยมีซัพพลายเออร์และโรงงานประกอบชั้นนำ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถออกแบบหรือผลิตรถได้อย่างอิสระ จึงไม่สามารถก้าวสู่การเป็นเจ้าของแบรนด์ได้
“Thailand has been a regional manufacturing hub for Japanese cars … not really a good idea to try to compete with them.”
— Reddit r/Thailand (ที่มา)
5. กรณีศึกษา แบรนด์รถยนต์ไทย ที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ไทยเคยมีความพยายามสร้างแบรนด์ของตัวเอง เช่น “ไทยรุ่ง (Thai Rung)” ซึ่งออกแบบและประกอบรถเอง แต่ยังไม่สามารถเติบโตจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
Thai Rung Union Car Public Company Limited (TRU) — established in 1967
— Wikipedia (ที่มา)
6. ทิศทางอนาคต: EV และ Smart Mobility
รัฐบาลไทยตั้งเป้าให้ EV ครอง 30% ของการผลิตรถยนต์ภายในปี 2030 (นโยบาย “30:30”) แต่การแข่งขันจากจีนเข้มข้น เช่น กรณี Neta ที่ถอนตัวหลังรัฐไทยเปลี่ยนเงื่อนไขการผลิต
“Thailand’s shift in local EV production policy challenges Chinese EV startups”
— Reuters (ที่มา)
ถ้าหากไทยจะเริ่มผลิตรถยนต์ ทุกคนคิดว่าเราควรไปในทางรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือเริ่มจากการเป็นรถยนต์สันดาปแล้วค่อยปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดี ?