ในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้านั้นกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เทรนด์ของการใช้รถทั้งในเมืองไทยและโลกได้มุ่งหน้าไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในปี 2564 เฉพาะในประเทศไทยก็มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วถึงเกือบ 4,000 คัน และคาดการณ์กันว่าในปีนี้อาจจะมีการจดทะเบียนเพิ่มเติมถึงกว่า 10,000 คัน
ทำไมถึงมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น? หลักๆ ก็คือในแต่ละประเทศนั้นได้มองหาวิธีการที่จะลดมลภาวะลง รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการปลดปล่อยโมเลกุลคาร์บอนเป็นศูนย์จึงได้กลายมาเป็นหนึ่งในวิธีการที่แต่ละประเทศนั้นนิยมชมชอบ นอกจากนั้นรถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ทั้งการที่ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวนให้รำคาญ อัตราเร่งที่ทันใจไม่ต้องรอรอบเหมือนเครื่องยนต์สันดาปภายใน อีกทั้งการบำรุงรักษาที่ไม่ยุ่งยาก เนื่องจากพวกมันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือคอยเป่าทำความสะอาดกรองอากาศ และพวกมันไม่มีระบบของเหลวต่างๆ มากมายเหมือนรถเครื่องยนต์สันดาปที่ต้องคอยตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ
แล้วรถยนต์ไฟฟ้าที่ถือว่าเป็นของใหม่ในประเทศสามารถทำประกันภัยได้หรือไม่? คำตอบคือ มีประกันหลายเจ้าแล้วที่ทำแพ็คเกจคุ้มครองสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าออกมา โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทำประกันได้นั้นมีตั้งแต่ รถไฮบริด (HEV), รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV), รถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน (EV), รถ E-Power, และ รถพลังงานไฮโดรเจน (Fuel Cell)
อย่างไรก็ตามการรับประกันของประกันภัยแต่ละเจ้าอาจมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป บางเจ้านั้นอาจจะรับเฉพาะรถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน บางเจ้าอาจจะมีให้เฉพาะประกันชั้น 1 ซึ่งเจ้าของรถควรศึกษาเงื่อนไขโดยละเอียดก่อนการทำประกัน
สำหรับประกันภัยชั้น 1 นั้น เบี้ยประกันในปัจจุบันเริ่มมีราคาถูกลงมาบ้างแล้ว จากที่เมื่อก่อนนั้นราคาจะอยู่ในหลัก 30,000 – 40,000 บาท/ปี แต่ปัจจุบันราคาเริ่มต้นถูกกดลงมาเหลือประมาณ 20,000 บาท/ปี
