- บีเอ็มดับเบิลยูและมินิครองตลาดรถยนต์นั่งอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมของไทยด้วยยอดจดทะเบียนรวม 15,010 คันในปี พ.ศ. 2565 เติบโต 1% จากปีก่อนหน้า ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 46.6%
- บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีขึ้นไป สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 3% และมียอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์รวม 1,293 คันในปี พ.ศ. 2565
- รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ มียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 535 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปี พ.ศ. 2564 ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้นเป็น 8%
- รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า 100% เปิดตัวในตลาดประเทศไทยแล้วถึง 6 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i7, มินิ คูเปอร์ เอสอี และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู CE 04
- คะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (NPS Score) ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งด้านการขายและการให้บริการ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จครั้งสำคัญต่อเนื่อง ด้วยผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2565 พร้อมยอดจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ การเติบโตของยอดจดทะเบียนในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักล้วนมาจากความต้องการยนตรกรรมล้ำสมัยที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการดำเนินการตามกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา ปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยูและมินิยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในประเทศไทยเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน โดยรถยนต์ทั้งสองแบรนด์มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเป็น 46.6% ของตลาดรถยนต์พรีเมียม ด้วยยอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 15,010 คัน เพิ่มขึ้น 36.1% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นบีเอ็มดับเบิลยู 13,572 คัน และมินิ 1,438 คัน
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการผลักดันธุรกิจให้ก้าวหน้าและครองความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าความตั้งใจของเราตลอดปี พ.ศ. 2565 ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม และการสร้างประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดให้กับลูกค้าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี แม้จะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา ทั้งเราเองและผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการทุกคน ก็พิสูจน์ให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเราสามารถก้าวข้ามสภาวะทางเศรษฐกิจที่มีความท้าทายไปได้และยังดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเพื่อตอบรับการให้บริการที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าของเรา”
“กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าดึงดูดใจซึ่งขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืนของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่งจากกลุ่มลูกค้า สะท้อนให้เห็นจากส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ระดับพรีเมียมที่สูงถึง 40.8% ด้วยยอดจดทะเบียน 535 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีก่อนหน้า จาก 5 รุ่นที่เปิดตัวในตลาดไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i7 และมินิ คูเปอร์ เอสอี นอกเหนือจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีขึ้นไป ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.3% และยังคงสร้างผลงานที่แข็งแกร่งจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายด้วยยอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2565 ทั้งหมด 1,293 คัน เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในกลุ่มลูกค้า และยังพร้อมก้าวเข้าสู่เซกเมนต์มอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า 100% กับบีเอ็มดับเบิลยู CE 04 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา”
“การครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยถึง 3 ปีติดต่อกันยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงการทำงานหนักและความทุ่มเทของพนักงาน ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ และพันธมิตรทุกรายของเรา ที่ร่วมแรงร่วมใจในการสร้างความพึงพอใจระดับสูงให้แก่ลูกค้า ช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์และความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จนส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานทางธุรกิจที่โดดเด่นในระยะยาว โดยในปีที่ผ่านมา เรายังได้คะแนนด้านความพึงพอใจของลูกค้า หรือ NPS Score เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งในด้านการขายและบริการ ก้าวต่อไปข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในทุกสิ่งที่เราทำ และจะยังคงให้บริการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เหนือกว่าพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อยกระดับประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับพวกเขา”
ในปี พ.ศ. 2565 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงเติบโตและครองตำแหน่งอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมระดับโลก โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์รวม 2,399,636 คันให้กับลูกค้าทั่วโลก ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกันในประเภทรถยนต์ไฟฟ้า ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เติบโตขึ้นเท่าตัวจากปี พ.ศ. 2564 ด้วยยอดส่งมอบรวม 215,755 คันจากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ พุ่งสูงขึ้นถึง 107.7% และเมื่อรวมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด มียอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 372,956 คันตลอดทั้งปี เพิ่มขึ้น 35.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทำสถิติยอดขายสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้วยยอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์รวม 202,895 คันทั่วโลก
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มุ่งก้าวไปสู่ที่สุดแห่งอนาคต การเติบโตเชิงบวกของยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพและการออกแบบที่เหนือกว่าใครของบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการผลิตยนตรกรรมที่ตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งนี้จึงเป็นเครื่องการันตีถึงตำแหน่งผู้นำของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในตลาดยานยนต์พรีเมียมไทย 3 ปีซ้อน
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทจะยังคงดำเนินงานตามแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการสร้างการเติบโตและการพัฒนาให้กับพนักงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังมองไปข้างหน้าโดยมีเป้าหมายที่จะส่งมอบสุนทรียะแห่งการขับขี่ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และพลังแห่งทางเลือกให้แก่ลูกค้า และมั่นใจในศักยภาพที่จะขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จแห่งอนาคต