More

    เจาะรถเด่น!! 3 รุ่นใหม่ค่าย MG เตรียมจ่อเข้าไทยปี 2022

    ต้องยอมรับว่าค่ายรถยนต์สายพันธุ์ยุโรปอย่าง MG หรือ Morris Garage ได้เข้ามาทำตลาดรถยนต์ในไทยมาเกือบ 8 ปี ที่ล่าสุดยอดขายครึ่งปีแรกของปี 2021

    สามารถกวาดยอดขายรวมได้ 14,403 คัน เติบโตอยู่ที่ 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีกลาย ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและระบบขับเคลื่อนที่โดดเด่นและแตกต่างจากค่ายอื่นๆจนสามารถเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์เพียงชั่วข้ามคืน

    นอกจากการเป็นผู้นำกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์หรือเอสยูวีแล้ว เอ็มจี ได้ก้าวมาสู่การเป็นผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดกว่า 90% ของกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า  โดยค่ายนี้ริเริ่มนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน หรือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดมาตั้งแต่ปี 2018 ด้วยการโชว์ต้นแบบ MG E-Motion ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ว่าแบรนด์นี้เอาจริงจนปูทางให้รถ Production Car ทำตลาด 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น  MG ZS EV, MG HS PHEV และ MG EP จนมีผู้ใช้งานทั่วประเทศร่วม 3,000 คันภายในเวลา 2 ปี นอกจากนี้ยังยังให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้วยความร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ เพื่อยกระดับระบบการรับรองและมาตรฐานของสถานีอัดประจุไฟฟ้า ด้วยการสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า MG Super Charge แบบชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charge) โดยตั้งเป้าให้มีสถานีชาร์จในทุกๆ 150 กิโลเมตร ติดตั้งที่โชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 115 แห่ง รวมถึงในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 50 แห่ง นี่คือความตั้งใจที่ MG จะยืนหยัดในตลาดรถยนต์เมืองไทยเพื่อผลักดันเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ตามแนวทางภาสาครัฐที่เดินหน้าวางรากฐานอย่างยั่งยืน เพื่อกระตุ้นคนไทยให้เห็นความสำคัญและผลลัพธ์ของการใช้พลังงานสะอาด

    โดยในปี 2022 MG พร้อมแล้วที่จะเผยรถยนต์พลังงานทางเลือกรุ่นใหม่อย่างน้อย 3 รุ่น โดยทางทีมงาน Car2day ได้คาดการณ์ว่ารถยนต์รุ่นใหม่อย่างน้อย 3 รุ่นที่จะเข้าขายนั้นมาในรูปแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน เสียบปลั๊ก และเครื่องยนต์สันดาปที่รองรับเชื้อเพลิงมากสุดถึง E85 ดังนี้

     

    – MG ZS EV Facelift

    เอสยูวีเล็กรุ่นปฐมฤกษ์รุ่นแรกของค่ายที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วน ครั้งนี้ปรับหน้าตาใหม่ หล่อกว่าเดิม เด่นด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบปิดช่องระบายอากาศให้กลมกลืนกับสีภายนอกตัวรถพร้อมการออกแบบที่ยกชุดมาจากรุ่น ZS ปกติ เกือบทั้งคัน ภายในปรับรายละเอียดเล็กน้อยทั้งจอสัมผัส 10.1 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว และการบรรทุกด้านท้ายมากถึง มากถึง 1,187 ลิตร จากปกติ 359 ลิตร พร้อมพลังไฟฟ้าพัฒนาใหม่ 51kWh ให้กำลังมากถึง 177 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร บนเพลาหน้า วิ่งไกลสุด 320 กม. และรุ่นท็อปสุด 72kWh วิ่งไกลสุด 440 กม. ให้พลัง 204 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-50 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที, 0-100 กม./ชม. ใน 8.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 175 กม./ชม.

    ด้านการชาร์จแบบ DC fast-charging ได้รับการอัพเกรด ให้มีอัตราที่สูงถึง 76kW ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจาก 50kW และด้วยเหตุนี้จึงช่วยให้สามารถชาร์จจากศูนย์ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ในเวลาประมาณ 42 นาทีในรุ่นท็อปสุด 72kWh มาพร้อมความสามารถในการชาร์จ AC ในตัวขนาด 7kW ซึ่งชาร์จเต็มใน 10.5 ชั่วโมง พร้อมไฟ LED แสดงสถานการณ์ชาร์จใหม่ด้านหลังแผ่นชาร์จ

     

    – MG HS Facelift

    Full C-SUV ที่ยังขายได้เรื่อยๆทั้งแบบปกติและเสียบปลั๊ก และยิ่งเพื่อนร่วมชาติเจ้าดังรวมถึงเจ้าอื่นๆที่เตรียมจะเข้าทำตลาดในไทยล้วนเตรียมที่จะแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมีหรืองานนี้จะยอมกันง่ายๆ เพราะเตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมที่คาดว่าอาจใช้หน้าตาเดียวกับสเปกจีนที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ มาพร้อมพลัง Plug-In Hybrid 1.5 ลิตร 162 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตัเมตร ที่ 1,700-4,300 รอบ/นาที คู่กับกับมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร และ แบตเตอรี่แบบ lithium-ion battery ความจุ 16.6 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ​​EDU II และเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 162 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร ในรอบที่ต่ำ 1,700-4,400 รอบต่อนาทีพร้อมระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ TST 7 สปีด พร้อม Sportronic ขับเคลื่อนล้อหน้า ทั้งสองขนาดมาพร้อมรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal, โหมด Eco, โหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport ที่สามารถเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น และ โหมด EV ในรุ่น HS PHEV

     

    – MG ONE

    เอสยูวีรุ่นที่จะมาแทรกกลางระหว่าง MG HS และ MG ZS กับดีไซน์ที่พอดีตัวสปอร์ตขึ้นมาในแนวกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ 3 มิติ Digital Burning Grille ประกบโลโก้ MG ขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้า LED โคมเล็กเรียว หลังคารถดีไซน์เพรียวลง ติดตั้งกระจกมองข้างทรงสปูนด้านท้ายมีดีไซน์ลงตัวด้วยไฟท้าย LED รับกับกันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์อย่างเรียบง่ายเรียบเนียน แต่สำหรับสเปกไทยมีความเป็นไปได้ว่าเตรียมที่จะใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 15C4E 181 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 275 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดคลัตช์คู่ DCT มาทำตลาดในช่วงแรก ส่วนเวอร์ชั่นเสียบปลั๊กหรือไฟฟ้าจะมีโอกาสเข้าไทยด้วยหรือไม่ต้องติดตาม

    น่าสนุกแน่นอนสำหรับ 3 รุ่นใหม่ของค่าย MG ที่เตรียมจะเปิดตัวในช่วงปี 2022 โดยจะมาในรูปแบบนำเข้าหรือประกอบในประเทศจะทำราคาถูกใจคนไทยหรือไม่ต้องติดตาม

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts