More

    เจาะสเปก! GWM TANK 300 สายลุยรุ่นเล็กก่อนขายจริง 28 กันยายน

    หลังจากชมสเปกของพี่ใหญ่ GWM TANK 500 กันไปแล้วคราวนี้มาถึงคิวของน้องเล็กอย่าง GWM TANK 300 สายลุยทรง JEEP อเมริกา

    TANK

    GWM TANK 300 เอสยูวีทรงเหลี่ยมสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมรูปทรงสง่างามให้อารมณ์ความเป็นเอสยูวีสายลุยแบบเอ็กซ์ตรีมเต็มขั้นเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการผจญภัยในทุกเส้นทางอย่างแข็งแกร่งตามสไตล์ TANK รองรับการขับขี่ในหลากหลายสภาพถนนด้วยหน้าตาคล้าย JEEP Wrangler ตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่แนวนนอน 3 เส้น สีดำ Piano Black พร้อมโลโก้ TANK ไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลมพร้อมไฟ LED Daytime

    คิ้วขอบล้อสีดำดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Continental Horse AT 265/65 R17  ในรุ่น ULTRA หลังคาซันรูฟแบบเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน และเสาอากาศ แบบ shark fin ที่เปิดประตู กระจกมองข้างตกแต่งสีเข้มทั้งหมดด้านท้ายดีไซน์ตั้งตรงพร้อมฝาท้ายขนาดใหญ่ห้อยยางอะไหล่ไว้ดูมีเอกลักษณ์ดีตามสไตล์ออฟโรดและไฟท้าย Vertical LED แนวตั้งในร่าง 5 ประตู

    ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง วางใจได้ และชาญฉลาด ใหญ่โตทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,760 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร ความสูง 1,903 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,313 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 75  ลิตร จากบนพื้นฐานแกร่งแชสซีส์ขั้นบันได

    GWM

    ภายในหรูสไตล์ Premium off-road ที่ให้ความรู้สึกหรู ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียด แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ร่วมสมัยช่องแอร์ดีไซน์เดียวกับ Mercedes-Benz G-Class มาตรวัด Full LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัส LCD ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เชื่อมต่อ พอร์ต USB ด้านหน้าและด้านหลังลำโพงคุณภาพรอบคัน 8 จุดจากค่าย Infinity เบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA leather ตัดเย็บประณีต คู่หน้าปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางและคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถเบาะหลังตอนที่สองพับได้ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของมากถึง 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะ

    เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว ช่อง USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า/หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟไฟสร้างบรรยากาศภายในมากถึง 64 สี Ambient light นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัวและ และระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ทำงานร่วมกับกุญแจ Smart Key และ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ

    พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ ทั้ง อัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) อัพเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) จดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม และ GWM Application จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถและตรวจสอบสถานะอื่นๆ

    GWM

    ตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ด้วยเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส E20NA ให้กำลังรวม 244 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่จะได้แรงม้ารวม 304 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ อาทิ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทรายและโหมด 4L

    GWM

    ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์และดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง เพื่อความต้องการของทุกสถานการณ์ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อน

    พร้อมโหมด crawl mode มีมุม approach angle หรือมุมเงย 33 องศา และมุม departure angle หรือมุมจาก 34 องศา Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน หลังจากเปิดฟังก์ชันแล้ว ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วคงที่ และ Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องระหว่างการขับขี่ ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่

    GWM

    กับความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้ง ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS)

    GWM GWMGWM TANK 300 เปิดโลกแห่งความท้าทายยิ่งขึ้นกว่าที่เคยในทุกๆวันโดยจะเปิดตัวและราคาจำหน่ายในวันที่ 28 กันยายน จะขึ้นสายการผลิตที่เมืองไทยที่โรงงาน Great Wall Motor Manufacturing (Thailand) อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โรงเดียวกันกับ GWM TANK 500 โดยมีด้วยกันถึงสองรุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO และสีรถภายนอกมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีส้ม ใหม่, ดำ เทา และขาวกับ สีรถภายใน สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น รุ่น ULTRA และรุ่น PRO)

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts