More

    ส่องรถใหม่..จ่อยกทัพเปิดตัวที่ Bangkok Motor Show 2023

    กลับมาอีกครั้งกับงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยและอาเซี่ยนกับงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 44

    Motor Show

    สำหรับปีนี้รูปแบบการจัดงานจะมาในรูปแบบ ประสบการณ์ครบทุกสีสัน หรือ “Colorful Experiences” โดยยังคงจัดกันที่เดิมที่ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ช่วงเดือนมีนาคม และปีนี้ก็เหมือนทุกปีที่ค่ายรถยนต์หลายค่ายจากทุกมุมโลก พาเหรดเปิดตัวรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ

    โดยมีทั้งเปิดก่อนหน้างานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ กับ มีนาคม หรือเตรียมที่จะเปิดภายในงานเป็นครั้งแรกทั้งรถยนต์สันดาปล้วน รถยนต์ลูกผสมและรถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน โดยทางทีมงาน Car 2 Day รวบรวมรุ่นใหม่ไฮไลต์เด็ดที่จะเปิดตัว เริ่มที่

    Aston Martin : Aston Martin DBX707

    Aston Martin

    The World’s Most Powerful Luxury SUV อย่าง Aston Martin DBX707 เอสยูวีอังกฤษเพิ่มชื่อ Subname เป็น 707 ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนกับดีไซน์แบบเดียวกับรถสปอร์ต DBX กับพลังเบนซินเทอร์โบคู่ V8 4.0 ลิตร 707 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร โดยอัพเกรดกำลังมากขึ้นจากเดิม 155 แรงม้า แรงบิดมากขึ้นกว่าเดิม 200 นิวตันเมตรเมื่อเทียบกับรุ่น DBX ปกติ คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์เปียก 9 สปีด ควบคุมด้วยระบบสมองกลแทนชุดเดิมที่ควบคุมด้วยทอร์คคอนเวอเตอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.3 วินาที

    AUDI : AUDI TT Final Icon Black

    Audi

    นับเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับสาวกสี่ห่วง ที่จะต้องบอกกันว่า AUDI TT ทั้งรุ่น Coupé และ Roadster เตรียมที่จะยุติการตลาดทั่วโลกเพราะเนื่องด้วยยอดขายน้อยและเข้าสู่ยุคไฟฟ้าล้วน สำหรับเมืองไทยถึงแม้ขายดีแต่ก็โดนผลกระทบด้วย จึงต้องเปิดตัวรุ่นสั่งลา Audi TT Final Icon Black ที่ผลิตออกมา 200 คัน สำหรับเมืองไทย ด้วยชุดแต่ง Black Editon ทั้งชุดกระจังหน้า  ช่องระบายอากาศ สเกิร์ต กระจกมองข้างทรงสปูน กันชนหลังในส่วนลิ้นสปอยเลอร์หลัง ทั้งหมดล้วนตกแต่งสีดำ ในราคา 3,599,000-3,899,000 บาท

    BMW : BMW X1, BMW X7 LCI, BMW XM, BMW 3 Series Gran Sedan LCI และ BMW 7 Series

    BMW

    ปีนี้ค่ายรถยนต์จากเมืองมิวนิก เยอรมนี ขนรุ่นใหม่ๆมาทั้งหมด ทั้งเปิดโมเดล และรุ่นปัจจุบัน ปรับหล่อใหม่ หรือ Facelift เริ่มที่ เอสยูวีตระกูล X กับเจเนอเรชันใหม่ของ BMW X1 มาครั้งนี้มาเป็นเจเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร B38A15A 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ในรุ่น sDrive 18i ขับเคลื่อนล้อหน้า เสริมด้วย Mild Hybrid 48V จับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 สปีด Steptronic พร้อมหน้าตาใหม่หมด

    กับภายในสุดหรูด้วยคอนโซลหน้าแบบ Hyperscreen จอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display รวมทั้งจอมาตรวัดดิจิตอล 10.25 นิ้ว และจอสัมผัส 10.7 นิ้ว มาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัวมารวมกันพร้อมระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8

    BMW

    ตามมาด้วยเอสยูวีรุ่นใหญ่กับการปรับโฉมของ BMW X7 ปรับครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี หล่อออกไปในแนวนตี๋ๆตาตี่ พร้อมภายในออกแบบใหม่หมดดีไซน์จอลอยตัวขนาดใหญ่ที่รวมเอาจอมาตรวัดและจอสัมผัสอยู่ในชุดเดียวกัน โดยมาตรวัดดิจิทัลมาขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วและจอสัมผัส 14.9 นิ้ว โดยจอชุดนี้เรียกว่า BMW Curved Display พร้อมระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8 ควบคุม

    รองรับการทำงานการเชื่อมต่อที่ง่ายและรวดเร็วขึ้น ช่องแอร์ใหม่ดีไซน์เรียวขึ้นในส่วนคอนโซลกลาง รวมถึงปุ่มการใช้งานที่ลดจำนวนลงเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น ชุดคอนโซลเกียร์งานนี้จะไม่เห็นคันเกียร์อีกต่อไป จะเป็นแบบปุ่มบิดไปมา ดีไซน์คริสตัล กับขุมพลังเดิมดีเซลเทอร์โบคู่ 6 สูบ 3.0 ลิตร รหัส B57D30T2 ส่งพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรในรุ่น X7 xDrive 40d เข้ามาเสริมทัพ

    BMW

    ตามมาอีกกับการโชว์ตัวจริง BMW XM เอสยูวีรุ่นใหญ่กว่า BMW X7 หรูหราโฉบเฉี่ยวตั้งแต่กระจังหน้าทรงไตคู่อภิมหาบิ๊กล้อมกรอบสีทองใหญ่ไส้ในสีเงิน กับตรา XM มุมขวาของกระจังหน้า โดยมาแบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบต่อเนื่อง พร้อมขอบเส้นสีทองกับตราสัญลักษณ์ XM ลากยาวไปถึงกรอบกระจกเสา C

    พร้อมพลังเสียบปลั๊กเบนซิน V8 M TwinPower Turbo M HYBRID S63B44 4.4 ลิตร 489 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ BMW eDrive 197 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร

    เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ามากถึง 653 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม. คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronicโดยใช้พลังงานจากลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ขนาด 25.7 kWh ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ แถมให้ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ในโหมดไฟฟ้าล้วนและวิ่งไกลสุด 82-88 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP)

    รองรับการชาร์จช้า 7.4 kW AC 0 – 100% ภายใน 4.25 ชั่วโมง นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด ทั้ง HYBRID, ELECTRICโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100%  และ eCONTROL

    BMW

    และปิดท้ายกับอีกหนึ่งรุ่นกับตระกูล 3 Series กับ BMW 3 Series Gran Sedan ปรับโฉมตามรุ่นปกติแต่เป็นรุ่นฐานล้อยาว ยาวกว่ารุ่น 3 Series ปกติถึง 110 มม. และ BMW 750e XDrive M Sport

    BYD : BYD SEAL, BYD Dolphin

    BYD

    แน่นนอนว่าคันนี้เป็นรุ่นที่สองต่อจาก BYD ATTO 3 เข้ามาเสริมทัพภายในปีนี้กับเวอร์ชันพวงมาลัยขวาในร่าง B-Car ทรงท้ายตัด 5 ประตู สร้างจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0  พร้อมภายในที่กว้างสบายแบบ 5 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ permanent magnet synchronous motor ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่มีพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ขนาด 30.7 kWh แบบ BYD Blade Battery(LFP) วิ่งไกลสุด 301 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า

    ส่วนอีกรุ่นเพิ่มความจุแบตเป็น 44.9 kWh พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 405 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้าและรุ่นท็อปสุดความจุแบตเท่ากัน (44.9 kWh) แต่ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากสุด 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 401 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า

    BYD

    อีกรุ่นที่จะเข้ามาโชว์และอาจทำตลาดกับ BYD SEAL เก๋งหล่อล้ำอนาคต บนพื้นฐาน e-platform 3.0 กับขุมพลังไฟฟ้ามีให้เลือกถึงสามรูปแบบตั้งแต่ รุ่นเริ่มต้น Standard Range ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุ 61.4 kWh วิ่งได้ 550 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC (China Light-Duty Vehicle Test Cycle) กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 310 Nm สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 110 kW

    รุ่น Long Range มี 2 รูปแบบ ตั้งแต่รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) พร้อมความจุแบตเตอรี่ 82.5 kWh กำลังสูงสุด 313 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 360 Nm สามารถวิ่งได้ 700 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 150 kW

    และรุ่น Long Range AWD Performance มาพร้อม มอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 82.5 kW กำลังสูงสุด 530 แรงม้า กับ แรงบิด สูงสุดระดับ 670 Nm สามารถวิ่งได้ 650 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC

    สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที รองรับการ ชาร์จเร็ว (DC fast charging): 30-80% ภายในเวลา 30 นาที รองรับกำลัง ไฟ ในการชาร์จสูงสุด 150 kW โดยจะเข้ามาโชว์และจ่อขายภายในปีนี้

    Ford : Ford Ranger, Ford Everest New Grade

    Ford Ranger

    อีกหนึ่งค่ายที่ร้อนแรงไม่แพ้ค่ายอื่นๆถึงจะจำหน่ายแค่สองรุ่นหลักๆทั้ง Ford Ranger และ Ford Everest ปีนี้มีการเพิ่มรุ่นเพิ่มทางเลือกใหม่ตรงใจสาวกแต่จะมากน้อยแค่ไหนนั้นพบกันได้ที่งาน

    GWM : TANK 500 HEV, TANK 300 HEV, ORA Grand Cat

    TANK

    ภารกิจเปิดตัวรถใหม่ Mission 9 In 3 หรือ 9 รุ่นใหม่ภายใน 3 ปี ของค่ายรถ GWM มีมาต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวครบ 5 รุ่นตั้งแต่ HAVAL H6 HEV, HAVAL H6 PHEV, HAVAL Jolion HEV, ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT สำหรับปีนี้จะเปิดตัวอีก 3 รุ่นได้แก่ TANK แบรนด์รถที่ 3 ของค่ายนี้เน้นเอสยูวีจะประเดิมตลาดอาจเป็น TANK 500 HEV เอสยูวีตัวใหญ่พลัง Full Hybrid 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 615 นิวตันเมตร ประกอบไทยเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ประกอบนอกเมืองจีน

    TANK

    มากันที่ เอสยูวีเล็กสไตล์ JEEP กับ TANK 300 HEV มาพร้อมพลังเบนซินเทอร์โบพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ที่ให้พลังรวม304 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร  อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ 7.9 วินาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time กระจายกำลังล้อทั้งสี่ หรือ torque-on-demand ที่เตรียมมาโชว์และขายไทยช่วงครี่งปีหลังนี้

    ORA

    อีกหนึ่งรุ่นกับเจ้าเหมียวหรู ORA Grand Cat ที่นำเอาความคลาสสิกและความทันสมัยมาผสมผสานกันในร่างเก๋งฟาสท์แบ็ก โดดเด่นทั้งดีไซน์สปอร์ตอันโฉบเฉี่ยวคล้ายกับรถยุโรปชื่อดังทั้ง Porsche Panamera ผสมกับแบรนด์รถ Bentley ย้อนยุคด้วยขุมพลังไฟฟ้าแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ

    ให้สมรรถนะเหนือระดับเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานสูงสุดถึง 408 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 680 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ 82 kWh  ทำความเร็วระหว่าง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที และวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 550 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)

    Honda : Honda WR-V, Honda CR-V

    HondaHonda

    ประเดิมเปิดตัวรุ่นในปีนี้สำหรับ Honda WR-V เอสยูวีเล็กยกพื้นฐานมาจาก Honda BR-V แต่หั่นท้ายให้สั้นลงนั่งได้ 5 ที่นั่ง สปอร์ตเด่นพร้อมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร 121 แรงม้า แรงบิด 145 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมความปลอดภัย Honda Sensing

    Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 มาพร้อมพลังเบนซิน e:HEV กำลังรวมสูงสุดเมื่อทำงานร่วมกันได้ 204 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และเบนซินเทอร์โบ Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร 190 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตรคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งคู่เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

    Hyundai : Hyundai Mobility Thailand , Hyundai Stargazer

    Hyundai

    ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากแดนกิมจิพร้อมแล้วที่จะบุกตลาดไทยกับการบริหารจากเกาหลีโดยตรงในชื่อ Hyundai Mobility Thailand ที่จะเปิดตัวองค์กรในวันที่ 1 เมษายนนี้ มาทั้งรูปแบบนำเข้าจากเกาหลีใต้ นำเข้าจากอินโดนีเซียตามสิทธิ์ AFTA และรุ่นรถที่ตั้งใจประกอบในเมืองไทยด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์สันดาป

    ขายควบคู่กับ Hyundai Creta และ Hyundai Staria กับ Hyundai Stargazer เอ็มพีวีเล็ก พลังเบนซิน 1.5 ลิตร พร้อมกับการเปิดรูปแบบการทำตลาดและการบริการ

    ISUZU : ISUZU MU-X Phantom Collection

    ISUZU

    ค่ายรถเพื่อการพาณิชย์อันดับ 1 เสริมตลาดรถพีพีวีเปิดทางเลือกใหม่ด้วย ISUZU MU-X Phantom Collection หล่อพิเศษด้วยชุดแต่งสีดำทั้งล้อ 20 นิ้ว กับ ภายในสีดำเข้ม หรูดุจรถยนต์ลักชัวรีกับพลัง 3.0 และ 1.9 Ddi Blue Power ในราคาเริ่มต้น 1.506 ล้านบาท

    Lexus : Lexus RZ450e

    Lexus

    หลังส่ง Lexus UX300e ไปปีนี้ส่งรถอีวีหรูรุ่นที่สองนั่นก็คือ Lexus RZ450e นำแพลตฟอร์ม e-TNGA เพื่อนร่วมค่ายอย่าง Toyota bZ4X และ Subaru Solterra มาพัฒนาให้แตกต่างเน้นความหรูหราตามสไตล์ Lexus และเป็นรุ่นแรกของค่ายที่ใช้แพลตฟอร์มนี้พร้อมเอกลักษณ์เด่น กระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Spindle Grill ที่มาในแบบปิดทึบ

    ล้ำสมัยล้ำยุคกับพวงมาลัยแบบครึ่งวงหรือที่เรียกกันว่า Yoke-Style Steering Wheel ซึ่งค่ายรถอย่าง Tesla ก็นำมาใช้แล้ว ในรุ่น Model 3 และยังมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงมาตรฐานให้เลือก

    ขุมพลังไฟฟ้าสไตล์ Lexus มีความจุแบตเตอรี่ 71.4 kWh lithium-ion battery พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลัง 204 แรงม้า ในล้อหน้าและ 109 แรงม้าในล้อหลังเมื่อทำงานร่วมกันให้พลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 435 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 450 กม. ตามมาตรฐาน J-WLTC ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.

    อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.6 วินาที แถมกินไฟเพียง 5.56 กม./kWh รองรับการชาร์จทั้งชาร์จช้า AC 6.6 kW และชาร์จเร็ว DC 150 kW พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบ Lexus’ new Direct4 ยังมีระบบส่งกำลัง eAxle แบบกระจายแรงบิด

    โดยกระจายน้ำหนักของล้อทั้งสี่ได้ตั้งแต่ 0-100 สามารถตั้งได้หลากหลายทั้งแบบ 20/80, 50/50 และ 75/25 ตามลำดับ และความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0 ทำงานผ่านกล้อง ADAS

    Mazda : Mazda MX-5 MY2023

    Mazda

    รุ่นแรกของค่ายที่ส่งรถใหม่มาอวดโฉมกับสีใหม่ สีน้ำตาล เซอร์คอน แซนด์ ของโรสเตอร์ยอดนิยมของทั่วโลกกับ Mazda MX-5 MY2023 กับค่าตัวเพิ่มจากเดิม 7,000 บาท และสีใหม่นี้อาจเป็นต้นแบบให้กับรถ Mazda ทุกรุ่นที่ขายในไทย

    MG : MG EP Facelift, MG รถตู้ไฟฟ้า

    MG EP

    ค่ายรถยนต์สายพันธุ์ยุโรปพร้อมสู้กับตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก กับ MG EP Facelift ที่ปรับหน้าปรับตาดูยุโรปมากขึ้นปรับโฉมครั้งแรกในรอบสามปี ภายในใหม่หมด กับขุมพลังไฟฟ้า 2 แบบ ตั้งแต่ความจุ 50.3 kWh  163 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลถึง 320 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตฐาน WLTP  และรุ่นแรงสุด มีความจุแบต 61.1 kWh 156 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุด 400 กม. ตามมาตฐาน WLTP  ทั้งสองรุ่นให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม.ชาร์จทั้งสองรุ่นนี้ถ้าชาร์จช้ากระแสสลับ AC ประมาณ 11 ชั่วโมง และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 5-80 % ทำได้  40 นาที จ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load) จ่ายพลังงานจากรถสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น

    LDVส่วนอีกรุ่นกับ MAXUS MIFA 9 หรือ LDV MIFA 9 เข้ามาขายในไทยแปะตรา MG นั่นเอง ลักชัวรีแวน ที่มาท้าชนกับ Toyota Alphard และ Vellfire พร้อมความหรูหราสไตล์ 7 หรือ 8 ที่นั่ง

    กับพลังไฟฟ้าล้วน ติดตั้งความจุแบตเตอรี่ 90 Kwh ให้แรงม้าสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร โดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 440 กม. (WLTP)

    พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง โหมด Normal, Eco และ Sport มีทั้งชาร์จช้า กระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW ชาร์จ 5-100 % ในเวลา 8.5 ชม. และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 20-80% ในเวลา 36 นาที โดยสเปกไทยจะใช้ชื่อ MG G90 EV หรือจะเป็นชื่ออื่นๆนั้นต้องติดตาม

    Mercedes-Benz : EQB From Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach S 580 e

    Mercedes‑Maybach S 580 e

    หนึ่งรุ่นที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยกับการประกอบอัครเก๋งใหญ่กว่า Mercedes-Benz S-Class อย่าง Mercedes-Maybach S-Class รหัส Z223 ที่ประเทศไทย ความสบายด้วยพร้อมเบาะตอนหลังแบบ Rear Seat Comfort Package มอบความสะดวกสบายในการโดยสารสูงสุด

    ทั้งการเป็นเบาะไฟฟ้าที่สามารถปรับตำแหน่งที่นั่งพร้อมการนวดที่สามารถเลือกโปรแกรมการนวด Calf Massage ได้สูงสุด 6 โปรแกรม พร้อมพลังเสียบปลั๊กแบบปลั๊กอินไฮบริดด้วยเบนซิน V8 4.0 ลิตร M176 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง กับความจุแบตเตอรี่ 28 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงถึง 510 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร

    อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 5.1 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ระยะทางวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งอยู่ที่ 100 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าทำได้ 140 กม./ชม.ด้านการชสาร์จถ้าชาร์จเร็ว DC กระแสตรง รองรับการชาร์จสูงสุด 60 kW ชาร์จได้ 30 นาที และ AC กระแสสลับ รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW ซึ่งจะวางแผนส่งมอบให้กับลูกค้าภายในไตรมาสแรกของปี 2023

    Mercedes-EQ

    และอีกรุ่นค่ายดาวสมาแฉกกับ EQB From Mercedes-EQ เอสยูวีขนาดเล็กที่นำพื้นฐานของ Mercedes-Benz GLB มาดัดแปลงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ  7 ที่นั่ง

    พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วนมีทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ากับรุ่น EQB 250 ด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion 66.5 kWh  ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.9 วินาที  วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 452 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

    พร้อมการชาร์จเร็วกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 112 kW  10-80 % ได้ประมาณ 29 นาที และชาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW  10-100 % ได้ประมาณ 7.15 ชม.

    รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เริ่มที่รุ่น EQB 300 4MATIC ด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion 66.5 kWh  ให้กำลัง 228 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.0 วินาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 412 กม. ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมการชาร์จเร็วกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 112 kW 10-80 % ได้ประมาณ 32นาที และชาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW 10-100 % ได้ประมาณ 6.30 ชม.

    และรุ่น EQB 350 4MATIC ด้วยความจุแบตเตอรี่ Lithium-ion 66.5 kWh ให้กำลัง 292 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.2 วินาที วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 412 กม. ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมการชาร์จเร็วกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 112 kW 10-80 % ได้ประมาณ 32 นาที และชาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11 kW 10-100 % ได้ประมาณ 7.15 ชม.

    Mitsubishi : Mitsubishi Xpander Cross

    Mitsubishi

    Mitsubishi Xpander ปรับโฉมครั้งใหญ่เวอร์ชันแต่ง Xpander Cross ลุยสบายแบบ 7 ที่นั่ง พร้อมพลัง 1.5 ลิตร กับ เกียร์ CVT ที่ลื่นไหลในการขับขี่พร้อม Active Yaw Control (AYC) ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนให้เข้าโค้งได้กระชับแม่นยำ ปลอดภัยกว่าด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่นและชุดไฟ LED ทั้งคัน

    Peugeot : Peugeot e-2008, Peugeot 408

    ปีนี้ Peugeot ตั้งเป้าดันยอดขายได้กว่า 1,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 70% พร้อมส่งสองรุ่นใหม่มาทำตลาดนั่นก็คือ Peugeot e-2008 ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% และรุ่น Peugeot 408 ปลั๊ก-อิน ไฮบริด

    Peugeot

    เริ่มที่ Peugeot e-2008 ด้วยหน้าตาคล้ายกับรุ่น 2008 มาพร้อมพลังไฟฟาล้วนด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาด 50 kWh 136 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตรที่ 300-3,674 รอบ/นาที ทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลราว 310 กิโลเมตร ตามมาตรฐานของ WLTP รองรับการชาร์จเร็ว DC กระแสตรง 100 kW สามารถชาร์จจาก 15 – 80% ในเวลา 30 นาที ส่วนชาร์จช้า AC กระแสสลับ รองรับการชาร์จ 22 kW 15-80% ทำได้ 5 ชม. และ 7 kW 0-100% ทำได้ 7.30 ชม.

    Peugeot 408

    ส่วนอีกรุ่นนั่นคือ Peugeot 408 Plug In Hybrid ด้วยตัวรถสไตล์ liftback ยกสูง แพลตฟอร์ม EMP 2 ใช้ร่วมกับ Citroen C5 X และ Peugeot 308 III โดยมีความยาว 4,687 มม. ความกว้าง 1,848 มม. ความสูง 1,486 มม. และฐานล้อ 2,787 มม.

    โดยเป็นที่แน่นอนว่าเป็นขุมพลัง Plug In Hybrid เบนซินเทอร์โบ PureTech 1.6 ลิตร EP6FDT 110 แรงม้า ที่มีสองความแรงตั้งแต่ Mid Power PHEV 180 แรงสุดเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 180 แรงม้าแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,650 รอบ/นาที

    ส่วนรุ่น High Power PHEV 225 ทำงานร่วมกันแรงสุด 225 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,650 รอบ/นาที ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 12.4 kWh และวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าอยู่ที่ 55-61 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถขาร์จช้า AC สูงสุด 3.7 kW ใช้เวลา 3.50 ชั่วโมง และ 1.55 ชั่วโมงถ้าชาร์จ AC สูงสุด 7.4 kW ซึ่งจับตาดูว่าสเปกไทยจะนำเข้า Plug In Hybrid รุ่นไหน กับหน้าตาหล่อสไตล์สิงห์เขย่งขาและภายในสไตล์ ‘i-Cockpit’

    NETA : NETA U Pro

    NETA U PRO

    เอสยูวีที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น V ออกแบบทันสมัยสมส่วนและสวยกว่า หน้าตาความหล่อเทียบชั้นรถยุโรป สร้างจากพื้นฐาน Hozon Auto’s EPT2.0 platform ขุมพลังไฟฟ้ามีให้เลือกหลายแบบโดยยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเดี่ยว single electric motor กับแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 42-48 kWh

    โดยให้กำลังถึงสองระดับตั้งแต่ Mid-Power 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 400 กับ 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. แล้วยังมีรุ่น High-Power 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยชาร์จช้านั้นจาก 0-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8.5-13 ชม. แต่ถ้าชาร์จเร็ว 30 จนถึง 80% จะใช้เวลา 30 นาที ขายจริงช่วงปีนี้

    Nissan : Nissan Terra Sport

    Nissan

    ประเดิมรุ่นใหม่รุ่นแรกของค่ายกับพีพีวีเข้มพิเศษที่มาแบบไม่จำนวนจำกัดขายเรื่อยๆ กับ Nissan Terra Sport ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่นำความเข้มของชุดแต่งสีดำทั้งภายนอกและภายในมาทั้งหมด 22 รายการ ใส่นพีพีวีคันหล่อคันนี้ เพื่อสลัดภาพพ่อบ้านสุดหรูมาเป็นพ่อบ้านสายเข้มพันธุ์ดุในราคา 1,555,000 บาท

    Subaru : Subaru Forester

    Suabru

    หลังจากโชว์ตัวและเปิดราคาแล้วปีนี้พร้อมที่จะส่งมอบกับ Subaru Forester รุ่นปรับโฉม หน้าใหม่ปรับครั้งแรกในร่างเจน 5 พร้อมขุมพลังเดิมแบนซิน Boxer FB20 direct injection 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 196 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ Lineartronic CVT จับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive แบบ Active Torque Split AWD s พร้อม X-Mode และEyesight เวอร์ชันใหม่ สามารถตรวจจับใบหน้า และสามารถเตือนเมื่อผู้ขับขี่ละสายตาจากถนนได้ ในราคา 1,450,000-1,550,000 บาท

    Suzuki : Suzuki Jimny

    Suzuki

    หลังจากเปิดตัวที่ไทยเมื่อ 4 ปีก่อน จนหมดล็อตแรกไป 90 คัน ปีนี้กลับมาอีกครั้งกับล็อตใหม่นำเข้าจากญี่ปุ่นลุยเต็มขั้นสะใจกับการเดินทางไร้ขีดจำกัดกับพลังเบนซิน 1.5 ลิตร K15B 108 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 138 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time ALLGRIP PRO 4WD

    ความปลอดภัยพื้นฐานตั้งแต่ถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ออกตัวบนทางลาดชัน HHC และ Suzuki Safety Support ทั้ง ระบบเตือน​การ​ออก​นอก​ช่องทางเดิน​รถ Lane Departure Warning ช่วยเตือนการส่ายของตัวรถ Weaving Alert เตือนป้ายเครื่องหมายจราจร Traffic sign recognition และปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist

    พร้อมช่วงล่างหลัง แบบ 3-link rigid axle with coil spring มีความสามารถในการลุยทุกรูปแบบตั้งแต่มุมไต่หรือมุมเงย Approach Angle 37 องศา มุมจาก Departure Angle 49 องศา และลุยน้ำได้ลึกสุด 600 มม.ในร่างแชสซีส์แบบขั้นไดหรือ Ladder-Frame

    Toyota : Toyota Yaris Facelift

    Toyota

    ตลอด 10 ปี ที่ Toyota Yaris Hatchback ทำตลาดมายาวนานถึง 10 ปี และปรับโฉมมาแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ปรับโฉมกับหน้าใหม่ที่ทันสมัยและขุมพลังเดิม 1.2 ลิตร ซึ่งจะมาโชว์ที่งานด้วยเช่นกัน

    Volvo : Volvo EX90 x Volvo XC40-C40 Recahrge Pure Electric FWD

    Volvo

    หลังเผยโฉมแบบ Sneak Preview ที่งาน Motor Expo 2022 ไปสำหรับ Volvo EX90 เอสยูวีไฟฟ้า ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) ดีไซน์ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆของ Volvo ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 111 kWh แรงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร และมีรุ่นแรง Performance 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 600 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW

    พร้อมระบบ LiDAR หรือ Light Detection and Ranging ระบบตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็ว ประกอบด้วย รวมถึงกล้องแปดตัว เรดาร์ 5 ตัว เซนเซอร์อัลตราโซนิก 16 ตัว และเซนเซอร์ของระบบ LiDAR ตรวจจับคนเดินถนนด้วยระยะไกลสูงสุด 250 ม.

    Volvo

    และอาจมี Volvo XC40 x C40 Recharge Pure Electric ขับเคลื่อนล้อหน้ากับขุมพลังไฟฟ้าล้วน P6 มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 231 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร โดยมีความจุแบตเตอรี่ 69 kWh วิ่งไกลสุด 400 กิโลเมตรเท่ากับรุ่น P8 AWD และสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7.4 วินาที เข้ามาเสริมทัพ โดยทั้งสองรุ่นจะมาโชว์ในงานหรือไม่ติดตามกัน

    นี่คือส่วนหนึ่งของไฮไลต์รถใหม่ที่จะเปิดตัว จากทั้งหมดกว่า 40 แบรนด์ที่จะมาโขว์หล่อที่งาน Bangkok Motor Show 2023 เพื่อสร้างประสบการณ์ครบทุกสีสัน สร้างประสบการณ์อันหลากหลาย ผ่านเทคโนโลยีแห่งโลกยานยนต์ที่ยังคงพัฒนาอย่างไม่มีวันสิ้นสุดที่กำลังจะนำพาวิถีชีวิตแห่งการเดินทางในยุคใหม่มาสู่ทุกคนบนพื้นที่การจัดงานกว่า 170,960 ตารางเมตร ของ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี พบกันตั้งแต่ 22 มีนาคม- 2 เมษายน นี้

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts