และแล้ว Ford สร้างกระแสให้ชาวไทยได้รู้จักกระบะบ้าพลังดีเซล V6 อย่าง Ford Ranger ที่รอคอยกันมาถึงสองปีและเตรียมที่จะเปิดตัวในปีนี้
ด้วยการส่งภาพทีเซอร์ โชว์หล่อด้านข้างด้วยบังโคลนด้านซ้ายทรงที่คุ้นเคย คิ้วขอบล้อสีดำ และล้ออัลลอยลายคุ้นเคยประจำรุ่นขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R18 แน่นอนว่ารถในภาพก็คือ Ford Ranger WILDTRAK ขับเคลื่อนสี่ล้อ หน้าตาเหมือนเดิมตั้งแต่ไฟหน้า Matrix LED กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบสีดำเงา แผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง คิ้วช่องระบายอากาศสีเงิน บันไดข้างอะลูมีเนียมสีดำ บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ไฟท้าย LED แนวตั้งสวยงามราวหลังคาและสปอร์ตบาร์ดีไซน์เอกลกัษณ์
ที่พลาดไม่ได้เลยคือตราสัญลักษณ์ V6 อยู่ตรงแก้มข้างประตู ช่องลมบังโคลน Side Vent สองฝั่ง ภายในกระบะท้ายมีช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายที่มาพร้อมช่องต่อไฟแบบ AC รองรับกำลังไฟถึง 400 วัตต์ ให้คุณใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่าง หม้อหุงข้าว หรือเตาอบขนาดเล็กได้ง่ายๆ เพียงเสียบปลั๊กกับตัวรถ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R18
ภายในมีสัญลักษณ์ WILDTRAK คอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านคู่หุ้มหนัง ชุดเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ดำ และ บริเวณฝาเปิดบนชุดคอนโซลหน้าแบบหุ้มหนัง เดินด้ายส้ม เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้าได้ถึง 8 ทิศทาง หน้าจอสัมผัสแนวตั้งแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® Android Auto™
สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ พร้อมระบบ FordPass ช่องต่อ USB 4 จุด พร้อมลำโพง 6 ทิศทาง มาตรวัดดิจิทัลแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว ช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto hold และครั้งแรกกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter หุ้มหนัง
แท่นชาร์จไร้สาย กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาและปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB 4 จุด
ขุมพลังดีเซล V6 เทอร์โบเดี่ยวในตระกูล Lion คาดว่าจะใช้ชื่อรหัส DSL-Lion B ขนาด 3.0 ลิตร Power Stroke ที่ให้กำลังมากถึง 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที ปรับสเปกเพื่อให้สามารถเข้าเกณฑ์ผ่านมาตรฐานไอเสียของไทยหรือ EURO 5
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case–EMTC)
ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery และยามลุยมีทั้งโหมด Sand, Mud/Ruts พร้อมเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร มีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม
โดยอ้างอิงจากสเปกแอฟริกาใต้ ประหยัด 11.90 กิโลเมตรต่อลิตร (8.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดต่อการเติม 1 ครั้ง 950 กิโลเมตร และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที
ออปชันความปลอดภัยทั้งพื้นฐานและขั้นสูงมาครบครัน คาดว่าในรุ่นนี้อาจติดตั้งระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง เปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) เตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
ช่วยควบคุมรถหลังจากชน ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert) ตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System – BLIS® with cross-traffic alert) ป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
อุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง กล้องมองรอบคัน 360 องศา ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ดิสก์เบรก 4 ล้อ ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) ควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)
Ford Ranger WILDTRAK V6 เปิดตัวและเปิดราคาที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน คาดค่าตัวไม่เกิน 1,600,000 บาท (รุ่น WILDTRAK 2.0 Bi-Turbo 4WD Double Cab 1,329,000 บาท) และลุ้นกันว่า Ford Everest Platinum V6 จะเปิดตัวและเปิดราคาพร้อมกันหรือไม่ต้องติดตาม