More

    Maserati GranTurismo มาครบทั้งสันดาปและไฟฟ้าเริ่ม 12.9 ล้านบาท

    เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการกับพรีเมียมสปอร์ตคาร์เจเนอเรชันที่สองกับ Maserati GranTurismo และครั้งนี้มาครบทุกรูปแบบให้เลือกทั้งสันดาปและไฟฟ้า

    Maserati

     

    จาก Maserati A6 1500 เมื่อ 75 ปีก่อน จนมาถึง Maserati GranTurismo ตำนานชิ้นเอกผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายที่เหมาะกับการเดินทางไกล เปิดตัวด้วยความใหม่หมดของภายนอกนำเสนอความสง่างามและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสามารถจดจำได้ในทันที เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ผสานประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีสุดในเซกเมนต์ สะท้อนตัวตนและความพิถีพิถันในการออกแบบ ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน

    ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 มาพร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซีที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่ พร้อมไฟหน้า Full LED พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/30 R20 ในล้อหน้าและ 295/30R21 ในล้อหลัง และ 265/35R20 สำหรับล้อหน้า และขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 295/30R21 สำหรับล้อหลัง พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่มีคาลิเปอร์ให้เลือกถึง 7 สี

    Maserati

    ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุดด้วยจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และจออีกชุด 8.8 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัล 12.2 นิ้ว นาฬิกาดิจิทัล เฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชัน)นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งเวอร์ชันรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี ‘Sonus Faber’ ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่ง กำลังขับ 1,195 วัตต์ ให้เลือก

    Maserati

     

    พร้อมสองทางเลือกหลักเด่นตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปเบนซินเทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร V6 Nettuno มีสองความแรงตั้งแต่ 490 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.9 วินาที ในรุ่น Modena และอัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 3.5 วินาที ในรุ่น Trofeo ทั้งสองความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด 8HP75 Gen2 พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง COMFORT, GT, SPORT, CORSA ดิสก์เบรกสี่ล้อจาก Brembo แบบคาลิเปอร์ 6 พอต ขนาด 380×34 มิลลิเมตร สำหรับดิสก์หน้าและดิสก์หลังแบบคาลิเปอร์ 4 พอต ขนาด 350×28 มิลลิเมตร

    ครั้งแรกของค่ายตรีศูลด้วยนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% รุ่นแรกส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300-kw จำนวน 3 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ ของรถแข่งฟอร์มูลาอี (Formula E) แบตเตอรี่ความจุ 92.5 kWh สามารถปล่อยกำลัง 761 แรงม้า แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 2.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลงสู่ล้อ ชาร์จได้ทั้งชาร์จแบบกระแสตรงหรือชาร์จเร็ว DC รองรับแรงดันไฟฟ้า 800 V สามารถรองรับการชาร์ตได้สูงสุด 270 kW ถึง 100 % ในเวลา 5 นาที และแบบรองรับแรงดันไฟฟ้า 400 V สามารถรองรับการชาร์ตได้สูงสุด 50 kW และชาร์จแบบกระแสสลับหรือชาร์จช้า AC วิ่งไกลสุด 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP

    พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง MAX RANGE, GT, SPORT, CORSA รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ ‘T-bone’ หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถ กับความสูง 1,353 มิลลิเมตร นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปต์ ‘zero compromise’  ในรุ่น Folgore

    Maserati

     

    แพลตฟอร์มของรถรุ่นใหม่นี้นำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้ เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง ซึ่งการทำแบบนี้จำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการผลิต แลกกับการได้มาซึ่งวัสดุที่เบาและมีประสิทธิภาพชั้นเลิศ นอกจากนั้นก็ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High อันล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 0.002 วินาที มาพร้อมระบบ cyber-security ระดับ 5 และฟีเจอร์ flash-over-the-air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับในการควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์

    Maserati

    Maserati GranTurismo เจเนอเรชันใหม่พัฒนาจาก Maserati Innovation Lab และผลิตที่โรงงาน มิราฟิออรี เมืองตูริน ประเทศอิตาลี โดยเมืองไทยมาพร้อมการรับประกัน warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และการรับประกันBattery warranty นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตรในรุ่น Folgore ในตัวถังคูเป้ ส่วนรุ่นเปิดประทุนหรือ GranCabrio จะเปิดตัวเร็วๆนี้ เตรียมเผยโฉมต่อสาธารณะที่งาน Bangkok International Motor Show 2024 ด้านราคาจำหน่าย 3 รุ่นย่อย มีดังนี้

    • รุ่น Folgore ไฟฟ้าล้วน 12,900,000 บาท
    • รุ่น Modena 14,500,000 บาท
    • รุ่น Trofeo  16,900,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts