More

    Mercedes-Benz E-Class เปิดญี่ปุ่นที่แรกของโลกเวอร์ชันพวงมาลัยขวา

    ญี่ปุ่นเป็นที่แรกของเอเชียและของโลกกับการเปิดตัว Mercedes-Benz E-Class เจนเนอเรชันที่ 11 ที่งาน Tokyo Auto Salon 2024 

    Mercedes-Benz

    ในรหัส W214 ดีไซน์ผสมผสานกันระหว่างพี่ใหญ่ Mercedes-Benz S-Class V223 และ Mercedes-Benz C-Class W206 น้องเล็กผสานจนเกิดเป็นความหล่อลงตัวด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมดีไซน์ลักชัวรีอันเป็นเอกลักษณ์เด่นค่ายนี้คล้ายๆกับรุ่นพี่ S-Class ขอบสีดำและมีกระจังหน้าทรงตราดาวขนาดใหญ่ด้วย ประกบกับไฟหน้า Digital Light LED ทรงสวยแบบทรงปีกเมื่อเข้ามารวมกับไฟ DRL แบบ LED บนโคมถึง 2 ชั้นที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเนียนกับตัวรถ ด้านข้างดีไซน์หลังคารถความโค้งมนอย่างลงตัว ไฟท้าย LED ที่สวยงามกับไส้ในเป็นตราดาวสามแฉกหรือจะเรียกว่าเป็นไฟท้ายเบนซ์ก็ว่าได้พร้อมกันชนหลังดีไซน์เท่ กรอบท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่ง

    Mercedes-Benzทางด้านรุ่นเอสเตท รหัส S214 ยกดีไซน์ครึ่งคันหน้าของเวอร์ชันซีดานมาต่อเติมเสริมแต่งให้กลายเป็นรถแวนสุดพรีเมียม ไฟท้าย LED ที่สวยงามกับไส้ในเป็นตราดาวสามแฉกหรือจะเรียกว่าเป็นไฟท้ายเบนซ์ก็ว่าได้พร้อมกันชนหลังดีไซน์เท่ กรอบท่อไอเสียคู่ 2 ฝั่ง และหลังคารถที่ลาดลงแบบรถสปอร์ตติดตั้งราวหลังคาดีไซน์บิ๊วอินน์ ล้อและยางทั้งสองรุ่นใช้ขนาดเดิมตั้งแต่ 17 นิ้วพร้อมยาง 225/60R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 ,ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 245/40R19 และยางหลัง 275/35R19

    ตัวรถในรุ่นซีดานและเอสเตทใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,949 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,880 มิลลิเมตร ความสูง 1,468 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,961 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,915-2,265 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 50 และ 66 ลิตรMercedes-Benz

    ภายในห้องโดยสารสวยหรูด้วยชุดแผงคอนโซลหน้าที่คล้ายกับรถไฟฟ้าในค่าย Mercedes-EQ ประกอบด้วย หน้าจอมาตรวัดดิจิตอลความละเอียดสูงบริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ขนาดใหญ่ลอยตัวแสดงผลคมชัด ภาพที่อ่านง่ายในทุกสภาพแสง สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ “Classic”, “Progressive” and “Sporty” พร้อม 3 โหมดการใช้งาน ได้แก่ Navigation, Assistance และ Service หน้าจอกลาง Infotainment แบบ MBUX Superscreen รวมการทำงานของเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิกับระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เอาไว้ด้วยกัน

    พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงและหน้าจอสำหรับความบันเทิงฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ารวมความยาวจอทั้ง 3 จุดรวมกัน มีกล้อง AI ตรงคอนโซลกลางสำหรับจับพฤติกรรมการขับขี่แถมยังเป็น Video Conference สำหรับรองรับแอปพลิเคชัน Zoom และถ่ายเซลฟี่โชว์ความหล่อความสวยได้ เชื่อมต่อระบบความบันเทิงทั้ง Android Auto หรือ Apple CarPlay สามารถแสดงหน้าจอมือถือเข้าผ่านทางจอสัมผัสได้โดยตรงโดยไม่ต้องเชื่อมผ่านแอปมิเรอร์อีก

    รวมถึงสามารถใช้แอปพลิเคชันหลากหลายในจอได้ไม่ว่าจะเป็น Angry Birds, TikTok, Zoom, และ Webex และยังสตรีมมิ่งแอปพลิเคชันเพื่อดูหนังฟังเพลงได้เช่นกัน พร้อมลำโพงคุณภาพ Burmester 4D ลำโพงรอบคัน 21 ตัว กำลังขับ 730 วัตต์ เป็นออปชันเสริมส่วนลำโพงมาตรฐานมี 7 จุด กำลังขับ 125 วัตต์ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ THERMOTRONIC สามารถควบคุมไม่ให้เกิดฝ้าบนกระจกรถ มีระบบ ENERGIZING AIR CONTROL สามารถดักจับฝุ่น PM2.5 กับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ และยังฟอกอากาศได้ Air Balance และยังมี Digital Vent Control ข่องแอร์ปรับด้วยระบบไฟฟ้าหมุนเวียนอากาศให้เป็นธรรมชาติ

    กุญแจอัฉฉริยะ Keyless-Go สมัยใหม่แบบ Digital Vehicle Key ควบคุมการสตาร์ทรถเปิดประตูรถผ่าน iPhone และ Apple Watch ได้ แถมแชร์ให้คนอื่นสูงสุด 16 คน พร้อมการตกแต่งทั้งไฟสร้างบรรยากาศภายใน 64 สี Active Ambient Lighting เคลื่อนไหวเร็วหรือช้าตามจังหวะเสียงดนตรีจากเพลง ภาพยนตร์หรือแอพสตรีมมิ่งเพลงได้ จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display เบาะหนัง NAPPA ลายเพชร Diamond Cut ตกแต่งลายไม้แบบใหม่ที่มีแสงพื้นหลัง หากไม่ชินกับความหรูหรายังมีการตกแต่งด้วยโลหะผสมสีเงินแบบสปอร์ตด้วย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนังดีไซน์สหกรณ์ พื้นที่สัมภาระท้ายมากถึง 540 ลิตร และ 370 ลิตรในรุ่น Plug In Hybrid เวอร์ชันซีดาน ในรุ่นเอสเตท พื้นที่สัมภาระท้ายมากกว่ารุ่นซีดาน ถึง 615 ลิตร และ 1,830 ลิตรในกรณีพับเบาะแบบ 40:20:40 ส่วนรุ่นเสียบปลั๊ก Plug In Hybrid มีความจุลดลงเหลือ 460 ลิตรและ 1,785 ลิตร ในกรณีพับเบาะแบบ 40:20:40

    Mercedes-Benzขุมพลังมีทั้งดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร OM654M Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าโดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษแบบ 48V technology พร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 23 แรงม้า แรงบิด 205 นิวตันเมตร และให้กำลังมากถึง 197 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 238 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.6 วินาที ในรุ่น E220 d ซีดานและความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.9 วินาที ในรุ่น E220 d Estate

    ทางด้านเบนซินมีด้วยกันถึงสองขนาดตั้งแต่เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร Mild Hybrid M254M พร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 23 แรงม้า แรงบิด 205 นิวตันเมตร ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 231 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.8 วินาที ในรุ่น E200 Estate และ ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.5 วินาที ในรุ่น E200 ซีดาน

    ปิดท้ายเบนซินเทอร์โบ รหัส M254 ขนาด 2.0 ลิตร 4สูบ ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาทีมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 25.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 112 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า ชาร์จได้ทั้ง AC และ DC CHAdeMO ในรุ่น E350 e ซีดาน

    Mercedes-Benz

    ทุกขนาดขุมพลังคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย  (Steering – wheel Gearshift Paddles)ช่วงล่างเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็น 4-Link ด้านหลังเป็น 5-Link และยังมีช่วงล่างถุงลม AIRMATIC ให้เลือกสามารถปรับความสูงเตี้ยของตัวรถได้ตามสภาพถนน ล้อหลังเลี้ยวได้ 4.5 องศา

    ความปลอดภัยครบครันไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Active Distance Assist DISTRONIC เตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST เสริมเป็นระบบช่วยเตือนบนจอแสดงผลแบบ 3 มิติ เริ่มเตือนด้วยเสียงและเตือนผ่านจอหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองรถจะหยุดฉุกเฉินโดยใช้ Active Emergency Stop Assist, ช่วยเบรกแบบแอ็คทีฟ Active Brake Assist, ช่วยเตือนให้รถขับอยู่ในเลนแบบแอ็คทีฟ Active Lane Keeping Assist, ช่วยจอดอัตโนมัติที่ทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง Parking Package with reversing camera มีการปรับปรุงระบบให้ช่วยถอยจอดได้เร็วขึ้นและช่วยจำกัดความเร็ว Speed Limit AssistMercedes-Benz

    Mercedes-Benz E-Class ขายที่ญี่ปุ่นห้ารุ่นย่อยทั้งรุ่นซีดาน E200 AVANTGARDE, E220d AVANTGARD, E350e Sports Edition Star รุ่นเอสเตททั้ง E200 AVANTGARDE Estate และ E220 d AVANTGARDE Estate เริ่มต้น 8,940,000-9,880,000 Yen หรือราว 2,145,000-2,374,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาขายในไทยราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 4,575,000-5,065,000 บาท ส่วนเมืองไทยพบกันปีนี้ในรูปแบบรถประกอบในประเทศ

    ที่มา Carwatch

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts