ทำตลาดมายาวนานถึง 27 ปี ได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายประเทศที่เข้าจำหน่ายสำหรับ Mercedes-Benz V-Class และ Mercedes-Benz VITO รุ่นปรับโฉม
โดยเป็นการปรับอีกครั้งในร่างเจเนอเรชันที่ 3 W447 ครั้งนี้ปรับให้ทันสมัยขึ้นกว่าครั้งไหนๆจากภาพทีเซอร์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าปรับดีไซน์กลับมาสู่ความคลาสสิกอีกครั้งด้วยตราดาวสามแฉกลอยอยู่บนฝากระโปรงหน้าหรือเรียกอีกอย่างว่า ดาวลอย กับ กระจังหน้าขนาดใหญ่กว่าเดิม พร้อมไฟหน้า LED Intelligent Light System โคมใหม่กันชนหน้าใหม่ที่รับความโค้งมนของกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมช่องระบายอากาศ รายละเอียดอื่นๆอาจปรับทั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 225/55 R17 และขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 245/45R18 ไฟท้าย LED ราวหลังคา ประตูสไลด์สองข้างและกันชนหลัง
ทางด้านภายในมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดตั้งแต่ชุดคอนโซลหน้าหันมาเล่นจอคู่ขนาดใหญ่ที่บอกทั้งมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสระบบความบันเทิง MBUX infotainment เวอร์ชันล่าสุดผสานการทำงานของระบบมัลติมีเดียเข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะ AI เพื่อเรียนรู้และจดจำพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ควบคุมระบบความบันเทิงผ่านคำสั่งเสียง พร้อมยกระดับบรรยากาศที่ดีเยี่ยมในห้องโดยสารด้วยคุณภาพแสงไฟ Ambient Light แบบปรับเฉดสีได้ ชุดเบาะนั่งมีทั้ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 11 ทีนั่ง ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน THERMOTRONIC สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และ TEMPMATIC สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ขุมพลังยังคงเดิมด้วยดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร OM654 รีดพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350–2,400 นาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม.ในระยะเวลาเฉลี่ย 9.6 วินาทีความเร็วสูงสุดโดยประมาณที่ 205 กม./ชม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 สปีด (9G-TRONIC PLUS) และยังมีรุ่น EQV 300 ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนกับความจุ 90 kWh ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 362 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 350 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP และความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
สำหรับการเปิดตัว Mercedes-Benz V-Class และ Mercedes-Benz VITO รุ่นปรับโฉมจะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้และอาจเป็นการปรับโฉมครั้งสุดท้ายก่อนที่เจเนอเรชันที่ 4 จะตามมา
นอกจากนี้ยังแนะนำแพลตฟอร์มรถตู้แบบใหม่ VAN.EA platform เผยในช่วงปี 2026 แบ่งแชสซีส์เป็นสามส่วนได้แก่ ส่วนแรกสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าที่แชร์ร่วมกับรุ่นอื่นๆ ส่วนที่สองพัฒนาให้รองรับแบตเตอรี่แรงดันสูงมีความจุแบตที่หลากหลาย และส่วนสุดท้ายติดตั้งระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ไว้สำหรับรถตู้ทั้งแบบขนส่งเชิงพาณิชย์ ขนส่งส่วนบุคคลและกิจกรรมกลางแจ้งและยังสามารถวิ่งไกลสุดถึง 500 กม. ครอบคลุมทั้งดีไซน์ ระบบส่งกำลัง แชสซีส์ และยางรถยนต์
โดยแบ่งเป็นสามตัวถังและผลิตสามที่โดยผลิตที่เมือง Jawor ประเทศ Poland สำหรับรถตู้ไซซ์เล็กส่วนรถตู้ไซซ์กลางจะผลิตในเมือง Vitoria ประเทศสเปนและโรงงานที่เมือง Düsseldorf ประเทศเยอรมันนี จะผลิตรถตู้ไซซ์ใหญ่แนว Mercedes-Benz Splinter