More

    MG MAXUS 7 รับจอง Motor Show ขายจริงกรกฎาคม คาดไม่เกิน 2 ล้าน

    อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์จากค่าย MG นอกจาก MG5 PRO แล้วยังแนะนำเอ็มพีวีไฟฟ้ารุ่นที่สองต่อจาก MG MAXUS 9 นั่นคือ MG MAXUS 7 

    MG

    MG MAXUS 7 เอ็มพีวีหรูน้องเล็ก MG MAXUS 9 นำพื้นฐานของ MAXUS MIFA 7 มาแปะตรา MG ด้วยกระจังหน้าแนวใหม่ Grille less Design ที่ให้ความหรูหราแบบเรียบง่ายชุดแถบไฟหน้า LED รมดำลากยาวที่คาดว่าเป็นไฟ DRL แบบ LED ยาวไปถึงไฟหน้าแนวตั้งสองฝั่งมาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติสำหรับไฟหน้า ชุดกันชนหน้าชิ้นใหญ่ขึ้นรูปสีทูโทนดำ/สีเดียวกับตัวรถ กระจังหน้าทรงปิดทึบต้องเป็นรถอีวีล้วนและแปะตราโลโก้ตัวอักษร Maxus ที่ขอบฝากระโปรง

    ด้านข้างเด่นด้วยราวหลังคาสีเงินดีไซน์เรียบเนียน กระจกมองข้างทรงสปูนพับและปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว  ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถัง หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ด้านท้ายเรียบง่ายแต่สวยงามด้วยชุดไฟท้าย LED รมดำลากยาวไปถึงไฟท้ายดีไซน์แนวตั้งเลข 7 ตรงกลางของชุดแถบไฟติดตั้งตราโลโก้ตัวอักษร MG มีไล่ฝ้ากระจกหลัง และ สปอยเลอร์หลังพร้อมฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า กันชนหลังดีไซน์กลมกลืนกับด้านหน้า และล้ออัลลอยลายเท่ดีไซน์ Aero Wheel Cover ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/55R18

    ด้วยความยาว 4,907 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,885 มิลลิเมตร ความสูง 1,756 มิลลิเมตร และฐานล้อ 2,975 มิลลิเมตร หน้าตาความหล่อแน่นอนว่าเน้นไปในรูปแบบสปอร์ตด้วย

    MG ภายใน 7 ที่นั่ง แบบ 2+2+3 หุ้มหนัง NAPPA และหนังสังเคราะห์โดยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปรับอุณหภูมิร้อน – เย็น ได้ เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat ปรับแบบแมนนวล ที่ออกแบบให้โอบรับกระชับทุกสรีระ

    MG

    ตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน ตกแต่งด้วยวัสดุแบบ SOFT TOUCH ในชุดคอนโซลหน้าแบบ Double Layer ประกอบด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสองก้านหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ จอสามจอที่บอกทั้งมาตรวัดความเร็วดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว จอสัมผัสตรงกลางขนาด 12.3 นิ้ว และด้านคนนั่ง 12.3 นิ้ว

    เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ และลำโพงคุณภาพ 8 จุด รองรับ Apple Car Play และ Android Auto พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-A และ Type-C ช่องแอร์แนวนอนยาวใต้จอทั้งสาม ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่มการทำงานของเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ที่วางแก้วน้ำคู่ในชุดคอนโซลกลาง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติและช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V

    MG

    ขุมพลังแน่นอนว่าเป็นอีวีล้วนมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ternary lithium ขนาด 90 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 480 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ให้ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง โหมด Normal, Eco และ Sport มี ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย

    ชาร์จได้ทั้ง AC กระแสสลับ และ DC กระแสตรงเริ่มที่ ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% – 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 120 kWh ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5%–100% ใช้เวลาประมาณ 8 .30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kW

    ความปลอดภัย ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 25 ระบบ ได้แก่ โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)

    MG

    ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)

    ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)

    ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)

    ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

    จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และ สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง

    MG

    มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) สีเทาหลังคาดำ Concrete Grey / Black Top และสีภายในดูเรียบหรูด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล มีกำหนดนำเข้ามาจัดจำหน่ายและเปิดตัวภายในเดือน กรกฎาคมนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในยนตรกรรมที่มาพร้อมกับความพรีเมียมได้สิทธิ์เป็นเจ้าของก่อนใครด้วยข้อเสนอพิเศษถึง 30 เมษายน

    • จอง 10,000 บาท รับส่วนลด 20,000 บาท
    • ประกันคุณภาพรถยนต์นาน 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
    • รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts