หลังจากได้การตอบรับอย่างดียิ่งสำหรับ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่หกที่มาเปลี่ยนทุกความเชื่อของกระบะให้ดูดีทันสมัยมากขึ้น
ล่าสุดได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากการทดสอบการชน ASEAN NCAP ตอกย้ำความแข็งแกร่งในด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมภายใต้การทดสอบเพื่อวัดสมรรถนะด้านความปลอดภัยของยานยนต์รุ่นใหม่ที่วางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (New Car Assessment Program for Southeast Asia) ประกอบด้วยการทดสอบการชนจากด้านหน้า การชนจากด้านข้าง และการประเมินเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
โดย Mitsubishi Triton ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ด้วยคะแนนรวม 74.71 เต็ม 100 คะแนน โดยได้รับคะแนนในแต่ละด้าน ทั้ง 4 ด้าน จากคะแนนเต็ม 120 คะแนน ซึ่งหลักเกณฑ์การประเมินประกอบด้วยการทดสอบการชนจากด้านหน้า การชนจากด้านข้าง และการประเมินเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยดังนี้ คะแนนในส่วนการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection: AOP) 26.01 คะแนน จากคะแนนเต็ม 32 คะแนน การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection: COP) 44.72 คะแนน จากคะแนนเต็ม 51 คะแนน เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Assist Technologies: SATs) 15.16 คะแนน จากคะแนนเต็ม 21 คะแนน ความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (Motorcyclist Safety: MS) 8.18คะแนนจากคะแนนเต็ม 16 คะแนน
รุ่นที่นำมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่น Double Cab PRIME ขุมพลังเป็นดีเซลเทอร์โบแปรผันคลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) ใหม่! ได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลังที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นขนาด 2.4 ลิตร 4N16 ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร และยังมีอีกทางเลือกกับ 150 แรงม้าแรงบิด 330 นิวตันเมตร และแบบเทอร์โบคู่ 204 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร เลือกไดัทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อตัวเตี้ยมาตรฐาน ยกสูง PLUS และขับเคลื่อนสี่ล้อ Easy Select 4WD และ Super Select 4WD II ที่มีระบบการขับเคลื่อนสี่รูปแบบได้แก่ 2H, 4H, 4HLc และ 4LLc มีการตรวจจับแรงบิดด้วยระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป LSD (Limited Slip Differential) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง สร้างความมั่นใจในสมรรถนะการยึดเกาะถนนและประสิทธิภาพในการเข้าโค้งพร้อมด้วยโหมดการขับขี่ใหม่ 7 โหมด ครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบออนโรดและแบบออฟโรด โหมดการขับขี่ Normal (ทั่วไป) และแบบ Eco (ประหยัด) Gravel (ทางลูกรัง) Snow (ถนนลื่น พื้นปกคลุมด้วยหิมะ หรือขณะฝนตกหนัก) Mud (ลุยโคลน) Sand (พื้นทราย) Rock (พื้นหินตะปุ่มตะป่ำ) มีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง AYC (Active Yaw Control) เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและแรงดันเบรกที่ล้อด้านในและนอกโค้งให้มีความสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Active LSD -Brake Control Type ซึ่งช่วยควบคุมแรงดันเบรกของล้อที่หมุนฟรีส่งและกระจายกำลังไปยังอีกล้อหนึ่ง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่น มอบประสบการณ์ขับขี่ก้าวข้ามทุกอุปสรรค รองรับการบรรทุกหนัก ทั้งยังช่วยรับและกระจายแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ ช่วยปกป้องให้ทุกการขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย
ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน Diamond Sense ทีมีระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC (Active Stability Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCL (Traction Control System) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) เตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM (Forward Collision Mitigation System) สัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSW (Blind Spot Warning) สัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) เตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA (Rear Cross Traffic Alert) กล้องมองภาพรอบคัน MAM (Multi Around Monitor) พร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานทั้งเบรก ABS กระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ลดกำลังเครื่องยนต์ (BOS) เพื่อช่วยเบรก เสริมแรงเบรก (BA) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) ปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (AHB) ถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคันและเซนเซอร์กะระยะการจอดหน้าและหลัง Mitsubishi Triton ในราคาจำหน่ายเริ่ม 565,000-1,228,000 บาท
ที่มา ASEAN NCAP